หลักฐานมัดระบายแป้งมันฯ1.4 พันล. ต้นแบบข้าวจีทูจีเก๊ รบ."ยิ่งลักษณ์"
เปิดหลักฐาน สตง.มัดระบายแป้งมัน1.4 พันล.ยุค“พรทิวา”ทำรัฐเสียหาย 712 ล. จี้ ก.พาณิชย์ฟันอาญา-วินัย“มนัส สร้อยพลอย” ต้นแบบ"ข้าว" จีทูจี เก๊ รัฐบาลยิ่งลักษณ์
ในรายงานผลการสอบสวนกรณีการซื้อขายแป้งมันสำปะหลัง ระหว่าง กรมการค้าต่างประเทศ กับ บริษัท China Marine Shipping Agency Lianyungang Co.,Ltd ตัวแทนจากจีน จำนวน 1.4 แสนตัน วงเงินรวม 1,460 ล้านบาท ในยุคที่นางพรทิวา นาคาศัย ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชน์ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2553 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) นำส่งไปให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์เพื่อรับทราบ และสั่งดำเนินคดีทางอาญาและวินัย กับ นาย มนัส สร้อยพลอย ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ตามที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
(อ่านประกอบ: “สตง.” สั่งฟันวินัย –อาญา “มนัส สร้อยพลอย” ระบายแป้งมัน จีทูจี “เก๊”)
สตง. ได้ตรวจสอบพบข้อมูลสำคัญหลายประการที่บ่งชี้ว่าการทำสัญญาซื้อขายสินค้าดังกล่าว ไม่ได้เป็นการซื้อขายสินค้าในรูปแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ดังต่อไปนี้
1. บริษัท China Marine Shipping Agency Lianyungang Co.,Ltd ไม่มีหนังสือมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน ในการทำสัญญาซื้อขายแป้งมันสำปะหลังกับรัฐบาลไทย
2. วัตถุประสงค์ในใบอนุญาตประกอบธุรกิจของ บริษัท China Marineฯ พบว่า มีการกำหนดขอบเขตทางธุรกิจที่ได้รับอนุญาตให้ดำเนินกิจการคือ เป็นตัวแทนธุรกิจทางเรือ ณ ท่าเรือ Lianyungang มิใช่การซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรแต่อย่างใด
3. ภายหลังจากที่ บริษัท China Marineฯ ทำสัญญากับกรมการค้าต่างประเทศ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2553 รุ่งขึ้นหรือวันที่ 9 กรกฎาคม 2553 บริษัท China Marineฯ ได้มอบอำนาจให้บริษัทเอกชนไทย จำนวน 3 ราย เป็นผู้รับมอบแป้งมันสำปะหลังจากองค์การคลังสินค้า (อคส.) แทน
4. จากการสอบปากกรรมการผู้จัดการบริษัทเอกชนไทยทั้ง 3 ราย ได้ข้อเท็จจริงตรงกันว่า ทั้ง 3 บริษัท ได้ซื้อแป้งมันสำปะหลังจาก บริษัท China Marineฯ โดยนำเงินตามสัดส่วนของแต่ละบริษัทจ่ายให้แก่ บริษัท China Marine ฯ เพื่อนำไปจ่ายให้กรมการค้าต่างประเทศ เป็นค่าซื้อแป้งมันสำปะหลัง จากนั้น บริษัท China Marine ฯ ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ทั้ง 3 บริษัท นำไปใช้เป็นหลักฐานเพื่อรับแป้งมันจาก อคส.
5. เมื่อได้รับแป้งมันสำปะหลัง จาก อคส. บริษัทเอกชนไทยทั้ง 3 ราย จะนำสินค้ากลับมาที่โรงงานของตนและนำเข้าสู่กระบวนการปรับปรุงคุณภาพ จากนั้นนำไปบรรจุถุงใหม่ และส่งออกในนามของแต่ละบริษัทเอง โดยตามกระบวนการผลิตและส่งออก ไม่สามารถแยกได้ว่าแป้งมันใดเป็นแป้งมันที่มีอยู่แล้วของบริษัท หรือเป็นแป้งที่ได้มาจากอคส. เนื่องจากแป้งมันที่ได้รับมาถือเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทแล้ว และค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการขนส่ง ส่งออกและปรับปรุงคุณภาพแป้งมัน แต่ละบริษัทจะเป็นผู้รับผิดชอบในส่วนของตน
“จากข้อเท็จจริงดังกล่าว เห็นได้ว่า บริษัท China Marine ฯ ไม่ได้มีเจตนาที่จะซื้อแป้งมันสำปะหลังไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ประกอบกับไม่มีการใช้เงินทุนในการซื้อที่นำมาจากจีน หรือ บริษัท China Marineฯ อย่างแท้จริง ซึ่งผิดปกติวิสัยในลักษณะการเจรจาซื้อขายระหว่างรัฐต่อรัฐ"
"ดังนั้น เมื่อพิจารณาประกอบกับการที่ บริษัท China Marine ฯ ไม่มีหนังสือมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน และมิได้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายแป้งมันสำปะหลังหรือสินค้าเกษตร พฤติการณ์จึงน่าเชื่อว่า การซื้อขายแป้งมันสำปะหลังระหว่างกรมการค้าต่างประเทศกับ บริษัท China Marineฯ มิใช่การซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ แต่เป็นเพียงการกระทำในลักษณะที่กล่าวอ้างการดำเนินการแบบรัฐต่อรัฐ เพื่อเข้าทำสัญญากับรัฐโดไม่ต้องมีการประมูล” รายงานผลการสอบสวน สตง.ระบุ
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าปัญหาการระบายแป้งมันฯ ที่ถูก สตง.ตรวจพบครั้งนี้ มีลักษณะคล้ายคลึงกับการระบายข้าวจีทูจี ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในขณะนี้
ส่วนบุคคลที่ถูกระบุชื่อเป็นผู้รับผิดชอบ คือ นายมนัส สร้อยพลอย เช่นกัน!
(ติดตามตอนหน้า เปิดชื่อบริษัทเอกชนไทย 3 ราย รับช่วงซื้อแป้งมัน บริษัท China Marineฯ)