- Home
- Investigative
- จัดซื้อจัดจ้าง
- ขมวดปม!4 บริษัท รับมอบอำนาจช่วงบ.จีน คดีจีทูจีเก๊-สยามอินดิก้า อยู่เบื้องหลัง?
ขมวดปม!4 บริษัท รับมอบอำนาจช่วงบ.จีน คดีจีทูจีเก๊-สยามอินดิก้า อยู่เบื้องหลัง?
โชว์แผนผัง ขมวดปม 4 เอกชนไทย ข้อมูล 'ป.ป.ช.& อิศรา' โผล่ชื่อรับมอบอำนาจช่วงบ.จีน คดีซื้อข้าวจีทูจีเก๊ - คนบ.สยามอินดิก้า อยู่เบื้องหลัง (อีกครั้ง) ?
นับจนถึงเวลานี้ สาธารณชนคงได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับเบื้องหลังบริษัทเอกชน 4 ราย คือบริษัท อินเตอร์ลิงค์ อิมปอร์ต แอนด์ เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด, บริษัท คอมพาวด์ อินเตอร์เทรด จำกัด, บริษัท แคปปิตอลซ์ เทรดดิ้ง จำกัด, บริษัท ซิมเปิ้ล เบสท์ เทรดดิ้ง จำกัด ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบพบว่า เป็นผู้รับมอบอำนาจช่วงจากบริษัทจีน 4 แห่ง ในการไต่สวนข้อเท็จจริงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตใหม่ แต่ไม่พบว่า เคยได้รับเงินจากบริษัทจีนที่เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าว รวมไปถึง การตรวจสอบข้อมูลกับกรมศุลกากรเมื่อปี 2556-2558 ก็ไม่พบว่า บริษัทจีน 4 แห่ง และผู้รับมอบอำนาจช่วง ฯ ได้ทำการส่งออกข้าวไปยังประเทศจีน ตามที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ชัดเจนมากขึ้น สำนักข่าวอิศรา ได้ทำการประมวลผลมานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบอีกครั้ง แบบชัดๆ ดังนี้
@ ข้อมูลในส่วนของ ป.ป.ช.
ในการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีมีเหตุอันควรสงสัย นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนางปราณี ศิริพันธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กรณีเห็นชอบการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง นั้น พบข้อมูลดังนี้
1. บริษัทจีนจำนวน 4 แห่ง ได้แก่ บริษัท Haikou Liangmao Cereals and Oils Trading Co., Ltd. บริษัท Haikou Liangyunlai Cereals and Oils Trading Co., Ltd. บริษัท Hainan Province Land ReclamationIndustrial Development and Construction General Corporation และบริษัท Hainan land Reclamation Commerce and Trade Group Co., Ltd. ปรากฎชื่อเข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจีกับรัฐบาลไทย
แต่ ป.ป.ช. ตรวจสอบพบว่า บริษัททั้ง 4 แห่ง ไม่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน โดยสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ผู้ที่เข้ามาทำสัญญาซื้อขายจะต้องเป็นรัฐบาลหรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลเท่านั้น และหากเป็นการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ก็จะมีหน่วยงานที่เรียกว่า China National Cereals, Oil, and Food stuffs Corporation หรือ COFCO ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลเพียงหน่วยงานเดียวเท่านั้น
ดังนั้น สัญญาซื้อขายข้าวที่ทำขึ้นกับรัฐวิสาหกิจจีนทั้งสี่แห่ง จึงไม่ใช่สัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ
2. ป.ป.ช. ระบุว่า หากบริษัทจีน ทั้ง 4 ราย อยู่ในฐานะผู้ซื้อข้าวจริง เงินที่นำมาชำระค่าข้าวตามสัญญาจะต้องมีที่มาจากบริษัทเหล่านี้
แต่ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนกลับได้ความ ว่า ใน ปี 2556 ปี 2557 และ ปี 2558 จากการตรวจสอบฐานข้อมูลนิติบุคคลรับอนุญาตและตัวแทนโอนเงินระหว่างประเทศซึ่งรายงานมายังธนาคารแห่งประเทศไทย ไม่พบว่าบริษัทดังกล่าวมีการส่งเงินเข้ามาในประเทศไทย
3. ป.ป.ช. ระบุว่า จากการตรวจสอบฐานข้อมูล ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัทผู้รับมอบอำนาจช่วงจากบริษัทจีนทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ บริษัท อินเตอร์ลิงค์ อิมปอร์ต แอนด์ เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด บริษัท คอมพาวด์ อินเตอร์เทรด จำกัด บริษัท แคปปิตอลซ์ เทรดดิ้ง จำกัด บริษัท ซิมเปิ้ล เบสท์ เทรดดิ้ง จำกัด นางสาวกรรณิกา เพชรสุวรรณ์ นายลิตร พอใจ Mrs.Shaoyan Gong และ Mr. Guoxiong Zhou ไม่พบว่าเคยได้รับเงินจากบริษัทฯ ที่เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวแต่อย่างใด
นอกจากนี้ หากสัญญาซื้อขายข้าวกับบริษัท จีนทั้ง 4 แห่ง มีอยู่จริง บริษัทดังกล่าว หรือผู้รับมอบอำนาจ หรือผู้รับอำนาจช่วง ได้แก่ บริษัท อินเตอร์ลิงค์ อิมปอร์ต แอนด์ เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด บริษัทคอมพาวด์ อินเตอร์เทรด จำกัด บริษัทแคปปิตอลซ์ เทรดดิ้ง จำกัด บริษัทซิมเปิ้ล เบสท์ เทรดดิ้ง จำกัด นางสาวกรรณิกา เพชรสุวรรณ์ นายลิตร พอใจ Shaoyan Gong และ Guoxiong Zhou จะต้องมีข้อมูลเป็นผู้ส่งออกข้าวออกนอกประเทศ
แต่จากข้อมูลของกรม ศุลกากร กลับไม่พบว่าในปี 2556 ปี2557 และปี 2558 บริษัทผู้ซื้อ ผู้รับมอบอำนาจ และผู้รับมอบอำนาจช่วง ได้ทำการส่งออกข้าวไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน
4. ป.ป.ช. ยังตรวจสอบพบว่า สัญญาซื้อขายข้าวกับบริษัท Haikou Liangyunlai Cereals and Oils Trading Co., Ltd ลงวันที่ 11 มกราคม 2556 นั้น บริษัทได้มีหนังสือมอบอำนาจลงวันที่ 12 มกราคม 2556 ให้บริษัทคอมพาวด์ อินเตอร์เทรด จำกัด ชำระเงินและรับมอบข้าว โดยขณะที่มีการทำหนังสือมอบอำนาจ นั้นบริษัทคอมพาวด์ อินเตอร์เทรด จำกัด ยังไม่มีสถานะเป็นนิติบุคคล เพราะได้ไปจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2556 และยังพบข้อเท็จจริงว่าทำสัญญาซื้อขายข้าวกับบริษัท Hainan Province Land Reclamation Industrial Development and Construction General Corporation ลงวันที่ 6 มีนาคม 2556 แต่มีการทำหนังสือมอบอำนาจ ลงวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556 ให้กับบริษัทแคปปิตอลซ์ เทรดดิ้ง จำกัด ชำระเงินและรับมอบข้าว ซึ่งเป็นการมอบอำนาจก่อนที่จะมีการลงนามในสัญญา
ขณะที่ ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ แจ้งข้อเท็จจริงว่า แคชเชียร์เช็คที่นำมาชำระค่าข้าวตามสัญญาซื้อ ขายข้าว มีแคชเ ชียร์เช็คอยู่ส่วนหนึ่ง จำนวน 46 ฉบับ จำนวนเงิน 1,878,219,993.50 บาท ซึ่งเป็นการชำระในชื่อของบริษัทฯ ที่เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าว จำนวน 3 บริษัท จาก 4 บริษัท ได้แก่ บริษัท Haikou Liangmao Cereals and Oils Trading Co., Ltd.บริษัท Hainan Province land Reclamation Industrial Development และบริษัท Hainan land Reclamation Commerce and Trade Group Co., Ltd. แต่ยังไม่ได้รับมอบข้าว แล้วต่อมาบริษัทฯ เหล่านี้ ได้มาเรียกร้องให้คืน เงินหรือส่งมอบข้าว ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนได้ความว่าเงินตามแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไม่ได้มีที่มาจากบริษัทฯ ที่เป็นผู้ซื้อข้าวตามสัญญาแต่อย่างใด แต่เป็นเงินซึ่งมีที่มาจากบุคคลอื่นภายในประเทศ
และพบว่ามีแคชเชียร์เช็คจำนวน 40 ฉบับ จากจำนวน 46 ฉบับ จำนวนเงินประมาณ1,868,029,241.85 บาท มาจากเงินในบัญชี ของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด บริษัท สิราลัย จำกัด และนายสุธี เชื่อมไธสง
(อ่านประกอบ : ล่าเงินข้าว 'เสี่ยเปี๋ยง'-แกะรอยหัวคิวราชภักดิ์ จุดยืนข่าวสืบสวน 'อิศรา' ปี 58)
@ ข้อมูลในส่วนของสำนักข่าวอิศรา
จากการนำข้อมูลการแถลงข่าวของป.ป.ช. มาขยายผลตรวจสอบต่อ สำนักข่าวอิศรา พบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมดังนี้
1. บริษัทเอกชนไทย ทั้ง 4 แห่ง คือ บริษัท อินเตอร์ลิงค์ อิมปอร์ต แอนด์ เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด บริษัท คอมพาวด์ อินเตอร์เทรด จำกัด บริษัท แคปปิตอลซ์ เทรดดิ้ง จำกัด บริษัท ซิมเปิ้ล เบสท์ เทรดดิ้ง จำกัด เป็นบริษัทกลุ่มเดียวกัน โดยมีตัวเชื่อมที่สำคัญ คือ 'นางสาว กรรณิกา เพชรสุวรรณ์'
จากการตรวจสอบพบว่า 'น.ส.กรรณิกา เพชรสุวรรณ์' ซึ่งปรากฎชื่อเป็นกรรมการผู้มีอำนาจและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท อินเตอร์ลิงค์ อิมปอร์ต แอนด์ เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด
ปรากฎชื่อเป็นผู้รับมอบอำนาจในการจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ และจัดตั้งบริษัทต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จากบริษัทอีก 3 แห่ง คือ บริษัท คอมพาวด์ อินเตอร์เทรด จำกัด, บริษัท แคปปิตอลซ์ เทรดดิ้ง จำกัด, บริษัท ซิมเปิ้ล เบสท์ เทรดดิ้ง จำกัด
นอกจากนี้ บริษัทเอกชนทั้ง 4 แห่ง ยังใช้ผู้ทำบัญชีคนเดียวกัน คือ 'น.ส.จิระดา บุญใส' และใช้ผู้สอบบัญชี คนเดียวกัน คือ 'น.ส.กรฤดี ฉินกมลทอง'
ขณะที่ นายลิตร พอใจ และ น.ส.กรรณิกา เพชรสุวรรณ์ ปรากฎชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่คนละ 2 บริษัท
ปัจจุบันบริษัทเอกชนทั้ง 4 แห่งแจ้งเลิกกิจการไปหมดแล้ว
(อ่านประกอบ : ครบชุด!เปิดหลักฐานมัด4บริษัทกลุ่มเดียวกัน รับมอบอำนาจช่วงบ.จีน ซื้อข้าวจีทูจีเก๊)
2. ในช่วงก่อตั้งบริษัท จนถึงเลิกกิจการ บริษัททั้ง 4 แห่ง แจ้งว่าไม่มีรายได้มีแต่บาทเดียว ขณะที่ที่อยู่ของบริษัท คอมพาวด์ อินเตอร์เทรด จำกัด ที่ใช้ในการจดทะเบียนตั้งบริษัทกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
เป็นที่พักอาศัยของ 'น.ส.กรรณิกา เพชรสุวรรณ์' ซึ่งมีสภาพเป็นที่พักอาศัย ไม่ได้เป็นบริษัทแต่อย่างใด
(อ่านประกอบ : ย้อนรอยตะลุย'ธิติวงศ์อพาร์ทเม้นท์'!ที่แท้ห้องพัก 'หญิงสาว' ตัวละครเอกคดีจีทูจีเก๊)
3. จากการตรวจสอบข้อมูลบุคคลที่ปรากฎชื่อเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในขั้นตอนการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ฯ บางราย ยืนยันว่า ไม่เคยทราบข้อมูล และมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาก่อน
โดยเฉพาะ น.ส.นิ่มนวล ปมะโน ซึ่งปรากฎชื่อเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นบริษัท คอมพาวด์ อินเตอร์เทรด จำกัด (ถืออยู่จำนวน 100 หุ้น มูลค่า 10,000 บาท) ระบุว่ามีอาชีพรับจ้างปลูกมันสำปะหลัง ที่จ.กำแพงเพชรได้ค่าแรงวันละ 300 บาท
(อ่านประกอบ : แกะรอย 2 สาวร่วมตั้งบ.ซื้อข้าวจีทูจีเก๊!ว่างงาน-รับจ้างปลูกมันฯ ได้วันละ300)
4. ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบว่า บัญชีเงินฝากธนาคารของ นายลิตร พอใจ และ น.ส.กรรณิกา เพชรสุวรรณ์ ที่นำไปใช้ประกอบการจดทะเบียนจัดตั้ง บริษัท ซิมเปิ้ล เบสท์ เทรดดิ้ง จำกัด และ บริษัท แคปปิตอลซ์ เทรดดิ้ง จำกัด เป็นบัญชีของธนาคาร กรุงไทย สาขารัชดาภิเษก-ห้วยขวาง ซึ่งตั้งอยู่บริเวณหน้าปาก ซ.รัชดาภิเษก 20 (ซ.รุ่งเรือง) ที่ตั้งเดิมของบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ก่อนที่จะมีการแจ้งย้ายที่ตั้งใหม่ไปอยู่ จ.อ่างทอง ในช่วงเดือน พ.ย. 2556
โดยในส่วนบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 091-0-2624X-X ของ น.ส.กรรณิกา เพชรสุวรรณ์ จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้าที่จะมีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท แคปปิตอลซ์ เทรดดิ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2556 มีเงินจำนวน 600,000 บาท โอนเข้ามาในบัญชีนี้ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2556 ก่อนหน้าที่จะจดทะเบียนตั้งบริษัท ในวันที่ 20 ก.พ. 2556 เพียง 1 วัน
(อ่านประกอบ : ใช้บัญชีธ.หน้าปากซอย 'สยามอินดิก้า' ตั้งบริษัท! เส้นทางเงินสองตัวละครคดีจีทูจีเก๊)
กรณีนี้ จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า แท้จริงแล้ว นายลิตร พอใจ และ น.ส.กรรณิกา เพชรสุวรรณ์ อาจจะเป็นคนของบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ? (ดูแผนผังอธิบายกรณีการซื้อข้าวจีทูจีของ 4 บริษัทจีนท้ายรายงาน)
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2559 นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะ โฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า จากการสอบสวนข้อมูลของป.ป.ช. ล่าสุดสามารถยืนยันได้ว่า บริษัทสยามอินดิก้า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการระบายข้าวในสต็อกรัฐบาล ซึ่งไม่ได้เป็นการซื้อขายแบบจีทูจีจริง เพราะบริษัทจีนที่ปรากฎชื่อเข้ามาซื้อข้าว ไม่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน ขณะที่ข้าวก็ไม่ได้มีการส่งออกไปนอกประเทศ ยังคงเวียนวนขายอยู่ในประเทศไทย
ส่วนสถานะที่แท้จริงของ นายลิตร พอใจ และ น.ส.กรรณิกา เพชรสุวรรณ์ จะเป็นคนของบริษัทสยามอินดิก้า หรือไม่ เป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงคงต้องรอฟังผลสรุปอีกครั้ง
อ่านประกอบ :
ใช้บัญชีธ.หน้าปากซอย 'สยามอินดิก้า' ตั้งบริษัท! เส้นทางเงินสองตัวละครคดีจีทูจีเก๊
ย้อนรอยตะลุย'ธิติวงศ์อพาร์ทเม้นท์'!ที่แท้ห้องพัก 'หญิงสาว' ตัวละครเอกคดีจีทูจีเก๊
แกะรอย 2 สาวร่วมตั้งบ.ซื้อข้าวจีทูจีเก๊!ว่างงาน-รับจ้างปลูกมันฯ ได้วันละ300
ครบชุด!เปิดหลักฐานมัด4บริษัทกลุ่มเดียวกัน รับมอบอำนาจช่วงบ.จีน ซื้อข้าวจีทูจีเก๊
อายัดเช็ค 1.8 พันล.หลักฐานสำคัญมัดข้าวจีทูจีเก๊!-ป.ป.ช.พบของเครือสยามอินฯ
ชิงเลิกกิจการหมดแล้ว! เปิดข้อมูล 4 บริษัท ตัวละครใหม่คดีข้าว 'จีทูจี'
ซุกตัว'อพาร์ทเม้นท์' รับมอบอำนาจ บ.จีน!แกะรอย 'บ.คอมพาวด์ฯ'พันคดีข้าวจีทูจี
ป.ป.ช.สอบเสร็จแล้ว! เส้นทางเงินเช็ค 9.6 หมื่นล.คดีข้าวจีทูจี-เอี่ยวใครอายัดทันที
คลี่ปมเช็ค 9.6 หมื่นล.ซื้อขายข้าวในประเทศ-วนเอกชนหน้าเดิม ชนวนจีทูจีเก๊?
เช็คพันใบ 9.6 หมื่นล.! มัดคดีข้าวจีทูจีรอบใหม่ส่อเก๊-ป.ป.ช.สาวลึกบิ๊กเอกชน
ป.ป.ช.ตั้งอนุฯลุยสอบเพิ่ม 4 บริษัทจีนส่อขายข้าวจีทูจีเก๊-“ปราณี”โดนด้วย