จาก “กวีเพลง” ถึง “กวีคำ” : อารักษ์ อาภากาศ” ไว้อาลัย ไม้หนึ่งฯ
"..ในฐานะคนทำงานศิลปะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ผมว่าน่าวิตกมาก แม้ผมไม่ได้รู้จักคุณไม้หนึ่งเป็นการส่วนตัว แต่เหตุการณ์การเสียชีวิตของคุณไม้หนึ่งในฐานะกวี ย่อมส่งผลอย่างสำคัญต่อคนทำงานศิลปะทุกแวดวง และน่าวิตกต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม.."
อารักษ์ อาภากาศ ศิลปินเพลงเพื่อชีวิต-อคูสติก เจ้าของรางวัลสีสันอะวอร์ดส์ ปี 2534 และเป็นผู้ได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์เพลงว่าเขียนบทเพลงราวบทกวี ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ถึงการเสียชีวิตของไม้หนึ่ง ก.กุนทีว่า เป็นเหตุการณ์ที่น่าตระหนกและน่าวิตกต่อความรุนแรงในสังคม ขอแสดงความเสียใจต่อการจากไป
ทั้งนี้ การเสียชีวิตของคนทุกคนย่อมนำมาซึ่งความสูญเสียใหญ่หลวง ไม่ว่าจะเป็นการเสียชีวิตของ กวี ศิลปิน หรือกรรมกร คนทุกคนล้วนเท่าเทียม
“เมื่อทราบข่าวนี้ผมรู้สึกตกใจมาก ไม่ใช่แค่นักเขียน แต่ทุกชีวิตล้วนมีค่า ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นกรรมกร หรือศิลปินก็ตาม คนทุกคนมีค่าเท่าเทียม" ศิลปินรายนี้กล่าวถึงความรู้สึกเมื่อทราบข่าวการเสียชีวิตของไม้หนึ่ง ก.กุนที
นอกจากนี้ อารักษ์ ยังกล่าวถึงมุมมองในฐานะคนทำงานศิลปะต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้นว่า
"ในฐานะคนทำงานศิลปะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ผมว่าน่าวิตกมาก แม้ผมไม่ได้รู้จักคุณไม้หนึ่งเป็นการส่วนตัว แต่เหตุการณ์การเสียชีวิตของคุณไม้หนึ่งในฐานะกวี ย่อมส่งผลอย่างสำคัญต่อคนทำงานศิลปะทุกแวดวง และน่าวิตกต่อความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ท่ามกลางความขัดแย้งอย่างรุนแรงทางความคิดในตอนนี้ กวีและบทกวีหรือผลงานของคนทำงานศิลปะแขนงอื่นๆ ควรแสดงออกด้วยจุดยืนเช่นไรเป็นพิเศษหรือไม่ ศิลปินรายนี้กล่าวว่า
“การทำงานศิลปะที่กลั่นออกมาจากชีวิตนั้น ไม่จำต้องแสดงออกเพียงเฉพาะเมื่อเกิดเหตุการณ์วิกฤติที่น่าตระหนกครั้งหนึ่ง เปรียบเสมือนเมื่อสังคมมีกลิ่นเหม็นรุนแรงก็แสดงออกมาครั้งหนึ่ง สำหรับผมแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นเช่นนั้น เพราะคนที่ทำงานศิลปะทั้งชีวิต ย่อมจะมองเห็นและมองออกตั้งแต่เมื่อครั้งที่ความไม่เป็นธรรมนั้นยังไม่เริ่มส่งกลิ่น หรือเพียงมีกลิ่นตุๆ"
เขาเน้นย้ำถึงจุดยืนส่วนตัวด้วยว่า
"เพราะฉะนั้น สำหรับผม การทำงานศิลปะ ไม่จำเป็นต้องรอวาระสังคม แต่ต้องทำทั้งชีวิต ทำตลอดไปทั้งชีวิตอันยาวนาน ไม่ใช่เพียงครั้งคราวที่เกิดปรากฏการณ์ความขัดแย้งหรือเหตุรุนแรง งานศิลปะที่กลั่นจากชีวิตจะต้องถูกถ่ายทอดออกมาโดยไม่จำเป็นต้องรอวาระ แต่ทำเสมอ ทำด้วยชีวิต เพราะพลังที่รังสรรค์ออกมานั้นจะถูกส่งต่อไปยังความคิดที่สองหรือความคิดที่สามได้ก็ต้องใช้ระยะเวลา ความทุ่มเท และค่อยเป็นค่อยไป ไม่ใช่ทำเฉพาะเมื่อสังคมส่งกลิ่นเหม็นรุนแรง บทกวีหรืองานศิลปะที่แท้ก็ควรเป็นเช่นนั้น ทำไปเรื่อยๆ ทั้งชีวิต"
นักแต่งเพลงเพื่อชีวิตรายนี้กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า
"ในความเห็นของผมนะ การตายของคุณไม้หนึ่งฯ จึงเป็นความสูญเสียต่อคนในวงการศิลปะด้วยเช่นกัน”
นี่คือ ทัศนะจากศิลปินรุ่นลายครามต่อ "ความงาม"และ "ความหมาย"ของคำว่า “ศิลปะ” และความอาลัยต่อการจากไปของกวีคนหนึ่ง
ไม่ว่า เส้นทางชีวิตของ กวีคนนี้ จะยืนอยู่ข้าง "ฝ่ายไหน"ในสังคมไทยแห่งนี้ก็ตาม!
ภาพประกอบจาก : www.siamsouth.com