สมบัติ & จอน : ความคาดหวัง-ไม่คาดหวัง ต่อ ครม.ใต้เงา “ประยุทธ์”
"..เนื่องจากรัฐบาลนี้ เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ มีเวลาค่อนข้างสั้น คือประมาณ 1 ปี การมอบหมายให้ใครเป็นรัฐมนตรีไม่ควรให้เขาควบหลายตำแหน่ง เพราะถ้าให้ไปทำหลายตำแหน่งงานจะไม่มีประสิทธิภาพ แต่ถ้าให้แต่ละตำแหน่งทำงาน ก็จะบรรลุประสิทธิภาพ..."
ท่ามกลางกระแสคาดเดา ถึง โผ ครม. “ประยุทธ์ 1” ว่าจะมีใครเป็นตัวเต็งแต่ละเก้าอี้สำคัญที่จะเผยโฉมหน้าให้เห็นภายในเดือนกันยายน ตามโรดแมปที่ท่านผู้นำได้ลั่นวาจาไว้
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ผ่ากระแสร้อน สัมภาษณ์พิเศษ สองนักวิชาการและนักเคลื่อนไหวมวลชนผู้มีบทบาทสำคัญบนเส้นทางการต่อสู้ของภาคประชาชน
หนึ่งคือ "สมบัติ ธำรงธัญวงศ์" อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ อดีตแกนนำ กปปส. และเป็นอดีตเลขาธิการศูนย์นิสิตนักศึกษา ที่เคยร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลเผด็จการของจอมพลถนอม กิตติขจร ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
อีกหนึ่ง คือ "จอน อึ๊งภากรณ์" เจ้าของรางวัลแม็กไซไซ สาขาบริการภาครัฐ ปี ค.ศ.2005 ,อนุกรรมการด้านสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมืองของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ,ประธานมูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม และเป็นบุตรชายคนโต ของ ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยและอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ต้องลี้ภัยทางการเมืองภายหลังเหตุการณ์ล้อมปราบนักศึกษา เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519
ท่ามกลางความต่างทางมุมมองของบุคคลทั้งสอง กลับมีบางประเด็นสอดคล้องตรงกันอย่างน่าสนใจ
สมบัติ ธำรงธัญวงศ์
@ ครม. แบบไหนที่คุณอยากเห็น
สมบัติ : ประเด็นแรกผมเห็นว่าเนื่องจากรัฐบาลนี้ เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ มีเวลาค่อนข้างสั้น คือประมาณ 1 ปี การมอบหมายให้ใครเป็นรัฐมนตรีไม่ควรให้เขาควบหลายตำแหน่ง เพราะถ้าให้ไปทำหลายตำแหน่งงานจะไม่มีประสิทธิภาพ แต่ถ้าให้แต่ละตำแหน่งทำงาน ก็จะบรรลุประสิทธิภาพ
ประเด็นที่สอง เนื่องจากว่าการบริหารราชการแผ่นดินมีกฎระเบียบมากมายที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนนโยบาย การขับเคลื่อนโดยรัฐมนตรี จึงมีผลอย่างยิ่งต่อความสำเร็จ เพราะคนเป็นรัฐมนตรีต้องขับเคลื่อน ดำเนินการตามงบประมาณที่จัดไว้ ซึ่งในรัฐบาลที่ผ่านๆ มา ล่าช้า มีปัญหา โดยเฉพาะเรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง เรื่องนี้ รัฐมนตรีแต่ละคน ก็ต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง เพื่อให้โครงการต่างๆ ของรัฐเป็นไปได้ตามแผนที่กำหนดไว้ รัฐมนตรี แต่ละคน ต้องให้งานนั้นสำเร็จ
และประเด็นที่สามคือ รัฐบาลที่เข้ามารับผิดชอบในปัจจุบัน เป็นการทำงาน ในระยะเวลาที่กำหนดไว้เพียงสั้นๆ ดังนั้น ควรจะต้องทำประเด็นปฏิรูปประเทศที่สำคัญ ให้เป็นรากฐานกับรัฐบาลที่จะเข้ามาในภายหลัง หากทำได้สำเร็จเรียบร้อย จึงจะถือว่ามีผลในระยะยาว แต่ ถ้า รัฐมนตรี เข้ามาทำงานรูทีน หรือแก้แต่ปัญหาเฉพาะหน้าก็ไม่สามารถแสดงถึงการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนในอนาคต
@ มองหลักการถ่วงดุล-แบ่งแยกอำนาจ ในขณะนี้อย่างไร
สมบัติ : การตรวจสอบ ถ่วงดุลโดยองค์กรที่มีอยู่ตอนนี้ ถือว่าการตรวจสอบโดย สนช. มีน้อย เพราะเป็นพวก รัฐบาลเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น ตอนนี้การตรวจสอบที่ทำได้ คือการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระ ที่มีอยู่ เช่น ป.ป.ช. หรือคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน องค์กรเหล่านี้ยังมีอยู่ แต่องค์กรตรวจสอบที่สำคัญที่สุดคือองค์กรภาคประชาชน ที่ต้องติดตามการทำงาน ของรัฐบาลว่าโปร่งใส สุจริต และทำเพื่อประเทศชาติ มากน้ออยแค่ไหน หากพบว่าผิดปกติ ก็ต้องเปิดเผยให้เป็นที่รู้ทั่วกัน เพื่อให้รัฐบาล รู้ว่ามีสิ่ง ไม่ปกติเกิดขึ้นและยับยั้งได้ทัน
ผมเชื่อว่าการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพที่สุด คือ การตรวจสอบโดยภาค ประชาชน
@ มีปัญหาใด ที่เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ ครม.ควรใส่ใจ
สมบัติ : ปัญหาหลักๆ ที่ประชาชนเดือดร้อน และยังไม่กล้าพูดถึงมาก คือปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจ และปัญหาค่าครองชีพ โดยเฉพาะชาวเกษตรกร เช่นยางพารา ราคาตกต่ำ ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลใหม่จะต้องเข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด และเข้ามาดูแล ปัญหาในระยะยาว จะแก้ปัญหาอย่างไรให้มั่นคง หรือปัญหาการรับจำนำข้าว แม้ที่ผ่านมาหัวหน้า คสช. จัดสรรเงินกู้ไปแล้ว แต่ฤดูกาลใหม่ที่ออกมา ก็จะยังมีปัญหา รัฐบาลต้องแก้ปัญหา อย่างจริงๆจังๆ ไม่อย่างนั้น ประชาชนที่เดือดร้อน ก็จะรวมตัวมาเรียกร้อง ถ้าเขาใช้วิธีร้องเรียน ด้วยการยื่นหนังสือร้องเรียน แล้วรัฐบาลไม่ใส่ใจ
@ มีอะไรที่อยากฝากทิ้งท้าย ถึง ครม.ชุดนี้
สมบัติ : ผมยังย้ำอย่างที่กล่าวไปแล้วว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่มีเวลานาน เวลาสั้น เมื่อเข้ามาแล้ว ต้องพร้อมที่จะขับเคลื่อนดินหน้า แก้ไข ปัญหาประเทศชาติและประชาชน โดยเร็ว และทำให้การบริหารงาน ของ กระทรวง ทบวง กรมต่างๆ บรรลุผลที่ตั้งไว้
…
จอน อึ๊งภากรณ์
@ ครม. แบบไหนที่คุณอยากเห็น
จอน : ผมอยากเห็น ครม ที่มาจาก สภา ที่มาจากการเลือกตั้ง
@ มองหลักการถ่วงดุล-แบ่งแยกอำนาจ ในขณะนี้อย่างไร
จอน : การตรวจสอบ ถ่วงดุลตอนนี้ไม่มีอยู่แล้ว ผมไม่ได้คาดหวังเลย เรื่องการตรวจสอบ ครม. เพราะไม่มีอะไรที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้งหมดมาจากการแต่งตั้งของคนกลุ่มเดียว เพราะฉะนั้น ก็เป็นอำนาจที่ไม่มีใครมีอำนาจตรวจสอบหรือท้าทายได้เลย ดังนั้น ผมคิดว่า ประเด็นที่ว่าคิดอย่างไรกับ ครม. ในตอนนี้ ไม่มีความหมายสำหรับผม
@ ถ้าเช่นนั้น จะมีช่องทางตรวจสอบ ถ่วงดุลการทำงานของรัฐบาลอย่างไร
จอน : ภาคประชาชนต้องเรียกร้อง เช่น ตอนนี้ ก็ชัดเจนว่า ผู้มีอำนาจไม่เข้าใจเรื่องหลักประกัน สุขภาพ
ตอนนี้ ประชาชนที่ผลักดัน เรื่องหลักประกันสุขภาพ ก็ต้องต่อสู้ อะไรที่เขาเห็นว่าเป็นการริดรอนสิทธิ์ของประชาชน ก็ต้องสู้ตามวิถีทางที่ทำได้ในสานการณ์ปัจจุบัน ซึ่ง ปัจจุบัน เราพบว่ามีโอกาสที่จะถูกจับติดคุกได้ง่าย
@ ประชาชนจะทำอย่างไร หากต้องการเรียกร้องสิทธิ
จอน : ก็ไม่มีช่องทางอื่น ก็ต้องโวยวายผ่านสื่อ แต่ถ้าไม่ได้ จริงๆ ก็ต้องประท้วง ส่วนเรื่องจะถูกจับ หรือไม่ถูกจับนั้น ไม่ใช่ประเด็นของประชาชน แต่เป็นประเด็นของผู้มีอำนาจต่างหากว่าเลือกที่จะจับหรือไม่จับ แต่ตามหลักสิทธิมนุษยชนสากลทั่วโลก การประท้วงเป็นสิทธิพื้นฐานของประชาชนที่หลักสากล รองรับ ถ้าเป็นการชุมนุมโดยสงบ
@ มีปัญหาอะไรที่ ครม.ควรต้องใส่ใจ แก้ไขอย่างเร่งด่วน
จอน : เมื่อตอนนี้ เป็นเผด็จการ และหลายเรื่องผู้มีอำนาจก็ไม่มีความรู้ความเข้าใจปัญหาที่แท้จริง แต่หากทำเสมือนรู้ ทุกอย่างมันก็ต้องเกิดปัญหาแน่นอน ผลกระทบต่อภาคประชาชนจะเกิดขึ้นแน่นอน อย่างปัญหาทรัพยากร ปัญหา ที่ดิน ป่าไม้ เหมืองก็ได้เกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้ก็มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในหลักประกันสุขภาพด้วย
ดังนั้น โดยส่วนตัวผมไม่ได้ มองว่า ครม. จะมีความหมายอะไรมากกว่านั้น มันพูดยาก คืออำนาจเขามีแน่นอน แต่เราไม่รู้ว่า ความเข้าใจที่เขามีต่อ ประเด็นหรือมุมมองของภาคประชาชนนั้นเป็นอย่างไร ผมยังสงสัยอยู่
@ ในการรัฐประหารเมื่อปี 2549 และมีการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ 2550 คุณเคยทำเวที คู่ขนาน ตรวจสอบร่าง รธน. ครั้งนี้จะทำหรือไม่
จอน : ครั้งนั้นผมทำเวทีคู่ขนานว่าเราจะมีรัฐธรรมนูญแบบไหน แต่ครั้งนี้ ผมไม่คิดจะทำ เพราะทำไปก็ไม่ค่อยมี ความหมาย เพราะรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้น เขาก็ไม่ได้คิดจะให้มีการลงประชามติอยู่แล้ว แต่ว่าผมก็ยังมีความคิดชัดเจน ว่าผมอยากมีรัฐธรรมนูญแบบไหน ซึ่งก็คงจะเขียนเผยแพร่ลงเฟซบุ๊คในอนาคต
…
นี่คือคำตอบจาก สองนักคิด-นักเคลื่อนไหว ที่แม้มีแนวทางการขับเคลื่อนต่างกันในหลายประเด็น
แต่นาทีนี้ ความเชื่อมั่นต่อ “ภาคประชาชน” คือมุมมองที่ทั้ง "สมบัติ" และ "จอน" เห็นพ้องตรงกันโดยมิได้นัดหมาย!
ภาพประกอบจาก : www.manager.co.th , bangkok.icro.ir และ ok.nation