โจทย์สี่ข้อที่รอรับรัฐบาลใหม่อยู่
นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดพิษณุโลก โพสต์ข้อความในเฟชบุคส่วนตัว Warong Dechgitvigrom ถึงโจทย์สี่ข้อที่รอรับรัฐบาลใหม่อยู่ โดยระบุว่า ขณะที่มีนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีใหม่กำลังจะเกิดตามมา มีโจทย์สี่ข้อเกี่ยวกับข้าวที่รัฐบาลใหม่จะต้องเร่งดำเนินการ
ประการแรก นั่นคือ มาตรการช่วยเหลือพี่น้องชาวนา เพราะแนวทางการลดต้นทุนปัจจัยการผลิต ได้พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้ประสิทธิภาพ ทั้งค่าเช่านา ค่าลดเกี่ยวหรือแม้แต่ค่าปุ๋ย ค่ายาและพันธุ์ข้าวปลูก อาจจะมีการลดราคาลงมาบ้างแต่ไม่สอดคล้องกับราคาขายข้าวเปลือก เทียบกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ดังนั้นมาตรการที่จะต้องจัดงบลงไปช่วยพี่น้องชาวนาจึงยังมีความจำเป็นในปัญหาระยะสั้น ผมคิดว่ารัฐบาลใหม่ต้องกล้าตัดสินใจครับว่าจะช่วยแบบประกันรายได้หรือช่วยเท่ากันไปเลยว่าไร่ละเท่าไร รายละไม่เกินกี่ไร่ เนื่องจากปัจจุบันนี้ไม่มีเม็ดเงินลงไปช่วยชาวนาซึ่งเป็นต้นธารของการใช้จ่าย ส่วนการช่วยระยะยาวค่อยว่ากัน
ประการที่สอง ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไปข้าวเปลือกฤดูการผลิตใหม่กำลังจะออกมากขึ้น อาจจะมีผลต่อราคาข้าวเปลือกในตลาดตามหลักดีมานด์และซัพพลาย รัฐบาลต้องดูแลราคาอย่างใกล้ชิดและเตรียมหามาตรการแทรกแซงระยะสั้นให้พร้อมถ้ามีความจำเป็น แต่อาจจะมีความโชคดีอยู่บ้างตรงที่ตลาดส่งออกล้วนต้องการข้าวฤดูการใหม่ที่กำลังจะออก
ประการที่สาม การระบายข้าวที่ค้างในโกดัง ในช่วงที่ผ่านมาการตัดสินใจระบายข้าวมีลักษณะกล้าๆกลัวๆ ในขณะที่ผู้ประกอบการมีความต้องการข้าว ซึ่งวัดได้จากจำนวนผู้ร่วมประมูลมีจำนวนมาก ผมคิดว่ารัฐบาลใหม่ต้องกล้าที่จะต้องดำเนินการบนหลักการของความโปร่งใสและรู้เท่าทัน นั่นคือช่วงไหนมีความต้องการข้าวก็จัดการและที่สำคัญต้องประกาศราคากลางหรือฟลอร์ไพรซ์ให้ผู้ร่วมประมูลรับทราบ ใครชนะก็ให้เขาไป เสียดายที่ช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยกล้า เพราะจากนี้ไปข้าวใหม่กำลังจะออก เรื่องนี้ต้องกล้าๆหน่อยครับ
ประการสุดท้าย การดำเนินการเรื่องการทุจริตโดยเฉพาะในการตรวจโกดัง ซึ่งรวมถึงการรายงานผลการตรวจแก่ประชาชนอย่างตรงไปตรงมาที่สำคัญต้องตอบข้อกังขาได้ทั้งหมด การดำเนินการเรื่องการทุจริตในขั้นตอนตรวจโกดังต้องเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยให้ระดับเจ้าหน้าที่เด็กไปแจ้งความไม่รู้ว่าให้ดำเนินคดีหรือแค่ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐาน
นี่คือโจทย์สี่ข้อที่รอรับรัฐบาลใหม่อยู่