ภาสกร จําลองราช : เรื่องของ “ไอ้ห้อยไอ้โหน”
"..ไอ้ห้อยไอ้โหนเหล่านี้คือตัวเร่งรัดให้ชาวบ้านต้องออกมาเคลื่อนไหว หากผู้มีอำนาจวิเคราะห์ให้ดี จะเห็นถึงรากเหง้าของการแก้ปัญหา ซึ่งมีความแตกต่างจากมวลชนที่ตนเองหวาดระแวง ..การปฏิรูปสังคมจะสำเร็จด้วยคน 250 คนไม่ได้หรอกครับ ที่สำคัญคือต้องตีโจทย์คำว่าปฏิรูปให้แตกก่อน.."
หากผู้กุมอำนาจในยุคปัจจุบันไม่ “มึน”จนเกินไป ก็น่าจะเห็นความแตกต่างระหว่างมวลชนที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องทรัพยากรของท้องถิ่น และมวลชนที่มีความเห็นต่างทางด้านการเมือง
ในช่วงแรกของการยึดอำนาจ เราเห็นภาพชัดเจนของมวลชนที่มีความเห็นต่างทางการเมืองซึ่งพยายามสะท้อนเชิงสัญลักษณ์ในรูปแบบต่างๆ และค่อยๆจางไปเมื่อทหารใช้มาตรการเข้มข้น
ขณะที่กว่า 1 เดือนที่ผ่านมาเริ่มมีการขยับตัวของมวลชนอีกจำนวนหนึ่ง อันเนื่องมาจากไม่สามารถทนสภาพอึดอัด ที่เป็นผลพวงมาจากการห้อยโหนอำนาจ ของข้าราชการบางหมู่เหล่า และพ่อค้านายทุนในคราบนักธุรกิจ-นักจัดการเศรษฐกิจบางจำพวกที่มากความสามารถกระโดดเข้าไปถึงขั้วอำนาจได้ก่อนใครอื่น
หากศึกษาประวัติศาสตร์การปฏิวัติรัฐประหารของไทย ก็จะเห็น “ไอ้ห้อยไอ้โหน”ในรูปแบบขุนนางและกุนซืออยู่ด้วยเช่นนี้ทุกครั้ง
ปรากฏการณ์ “ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” แม้ว่าโจทย์ใหญ่คือเรื่องการปฏิรูประบบพลังงาน แต่โจทย์ที่ใหญ่ไม่แพ้กัน และไม่ดังเท่าโจทย์แรกคือ เรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับคนปักษ์ใต้ หากโครงการขนาดใหญ่ตามแผนพัฒนาที่รัฐวางไว้เดินหน้าเพราะเท่ากับเป็นการทุบทิ้งวิถีชีวิตอันอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติของคนใต้ แล้วเปลี่ยนเป็นระบบอุตสาหกรรมแทน
โจทย์อันหลังนี้ต่างๆหาก ที่ทำให้ขาจำนวนมาก พากันร่วมลงหุ้นเดินคัดค้านกระแสพัฒนาอันไร้สติ ซึ่งเคยมีบทเรียนอันเลวร้ายในแล้วในภาคตะวันออก
ถามว่าทำไมถึงไม่รอสภาปฏิรูปแห่งชาติหรือสปช. คำตอบหาได้ไม่ยาก
“ นายจุฬา สุขมานพ อธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา ที่ได้บรรจุไว้ในแผนยุทธศาสตร์โครงสร้างพื้นฐานของกระทรวงคมนาคม ในแผนลงทุนวงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท โดยเริ่มดำเนินการปีงบประมาณ 2558 ใช้ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี ระหว่างปี 2559-2562 และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2563 เมื่อผ่านการพิจารณาจะใช้เวลาศึกต้นแบบ 7-8 เดือน
“ความล่าช้าของโครงการ เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 2550 กำหนดไว้ว่าต้องทำผลกระทบด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ (อีเอชไอเอ) ซึ่งต้องมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเราต้องเข้าไปทำความเข้าใจกับประชาชน ที่ผ่านมามีการเข้าไปหลอกลวงชาวบ้านเยอะ หลังจากนี้เราจะเดินหน้าโครงการของบประมาณมาดำเนินการในส่วนนี้ ถ้าจำทำจริงๆ ใช้เวลาไม่นาน ในส่วนของต้นแบบใช้เวลา 7-8 เดือน และเดินหน้าให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน ที่ผ่านมามีการตัดต่อข้อมูลในหลายเรื่อง มีการจินตนาการต่างๆ นานา” นายจุฬากล่าว(ข่าวจากนสพ.ไทยโพสต์ 11 สค. 2557)
การเข้ามาควบคุมอำนาจของทหาร ทำให้ข้าราชการบางจำพวกคิดว่าช่วงนี้เป็น “เวลาทอง” จึงฉวยโอกาสเร่งรัดโครงการขนาดใหญ่ที่เกิดการเผชิญหน้าอยู่กับภาคประชาชนมาโดยตลอด
มิใช่แค่ปากบาราเท่านั้น ที่อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา และที่อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ โครงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน กำลังถูกผลักดันอย่างร้อนรน ขณะที่นักปั้นตัวเลขเศรษฐกิจและนักกระหายพลังงานหลายคนได้รับการยกย่องแต่งตั้งให้เป็นบอร์ดชุดต่างๆ
สิ่งเหล่านี้คือคำตอบว่าทำไมประชาชนปักษ์ใต้ถึงต้องขยับ เพราะเขาไม่ไว้ใจในสถานการณ์ ทั้งๆที่หลายคนเอาใจช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจากรัฐบาลชุดก่อนมาโดยตลอด แต่วันนี้พวกเขาเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง
เช่นเดียวกับในภาคเหนือและภาคอีสาน มวลชนในหลายพื้นที่จำเป็นต้องขยับตัว เพราะมีการแอบอ้างคำสั่งคสช.ในการเคลียร์ชาวบ้าน โดยเฉพาะคำสั่งที่ 64 และ 66 เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้
หากมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาว่า คนอยู่ก่อนประกาศเขตอนุรักษ์ หรือประกาศเขตอนุรักษ์ก่อนคนเข้ามาอยู่ ให้ชัดเจนก็ไม่มีปัญหา แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามีความพยายามทำให้ชาวบ้านกลายเป็น “ผู้ร้าย”ทั้งหมด ดังนั้นชาวบ้านในหลายพื้นที่จึงต้องออกมาเคลื่อนไหว เพราะหากปล่อยไปเช่นนี้มีแต่รอวันตาย
นอกจากนี้ยังมีไอ้ห้อยไอ้โหนเกิดขึ้นอีกหลายกรณี
ที่ป่าสาละวิน จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังเกิดการลักลอบตัดไม้ครั้งใหญ่ แต่จนบัดนี้ยังจับตัวการไม่ได้ ที่สำคัญทุกค่ำคืนยังมีการลักลอบตัดไม้อยู่ สาเหตุที่แก็งค์เหล่านี้ยังทำงานได้ เพราะไอ้ห้อยไอ้โหนคือคนมีสีที่ตีสองหน้าและสามารถวิ่งเต้นเข้าถึงผู้ใหญ่ ชาวบ้านริมแม่น้ำสาละวินได้แต่ทนหวานอมขมกลืน
ที่เหมืองทอง วังสะพุง จังหวัดเลย ชาวบ้านต่อสู้อยู่กับนายทุนที่เข้ามาทำเหมืองและก่อมลพิษมหาศาล แถมนายทุนยังก่อคดีอุกอาจปิดหมู่บ้านทุบตีชาวบ้าน จนถึงบัดนี้คดีก็ยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร ในทางตรงกันข้ามแทนที่ทหารจะเข้าไปเยียวยา กลับไปสร้างความหวาดระแวงให้กับชาวบ้านมากขึ้นเพราะมีท่าทีผ่อนปรนตามเงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์กับนายทุน
ที่ป่าแก่งกระจาน ชาวบ้านถูกอุ้มและถูกเผาบ้านเรือน แทนที่ทางการจะเข้าไปเยียวยาและดูแลให้คนอยู่กับป่าอย่างยั่งยืน แต่สุดท้ายอธิบดีกรมอุทยานฯกลับฉวยโอกาสย้ายโจทย์คนสำคัญของชาวบ้านกลับคืนพื้นที่เพราะเป็นพรรคพวกเดียวกัน ทั้งๆที่เขาตกเป็นผู้ต้องหาและถูกตั้งคณะกรรมการสอบฯอยู่
ไอ้ห้อยไอ้โหนเหล่านี้คือตัวเร่งรัดให้ชาวบ้านต้องออกมาเคลื่อนไหว หากผู้มีอำนาจวิเคราะห์ให้ดี จะเห็นถึงรากเหง้าของการแก้ปัญหา ซึ่งมีความแตกต่างจากมวลชนที่ตนเองหวาดระแวง
การปฏิรูปสังคมจะสำเร็จด้วยคน 250 คนไม่ได้หรอกครับ ที่สำคัญคือต้องตีโจทย์คำว่าปฏิรูปให้แตกก่อน
การฟังแต่เสียงของไอ้ห้อยไอ้โหนอย่างเดียว มีแต่ทำให้เสื่อมและทรุด