ชี้อุดมการณ์มก.เปลี่ยนไป ศ.ระพีน้ำตาตก-ขอลบชื่อออก"ผู้ใหญ่ทำงานไม่ถึงดิน"
“..เมื่ออุดมการณ์ไม่ได้เป็นไปดังเดิมแล้ว ผมอยากให้เขาลบชื่อผมที่ตั้งเป็นชื่อถนน ชื่ออาคาร และสวนกล้วยไม้ ออกดีกว่า เพราะเอาชื่อผมไปตั้งนั่นตั้งนี่ แต่ไม่ได้ทำตามเหมือนที่เราประพฤติปฏิบัติไว้ มันก็ไม่มีประโยชน์อันใด แสดงว่าเขาไม่ได้ยกย่องเราจริง.."
เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ศาสตราจารย์ระพี สาคริก อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตร(มก.) เปิดเผยว่าขณะนี้รู้สึกเป็นห่วงในอุดมการณ์ของมหาวิทยาลัยเกษตรที่กำลังเปลี่ยนไปเพราะกระบวนการหล่อหลอมนักศึกษาแตกต่างไปจากในอดีตมาก และที่เห็นชัดเจนในปัจจุบันคือการมุ่งเน้นไปเรื่องการก่อสร้างและมีธุรกิจต่างๆเกิดขึ้นมากมาย ขณะที่งานด้านพัฒนาสังคมกลับลดหายไปเรื่อยๆ สาเหตุหนึ่งเพราะผู้ใหญ่ไม่ค่อยทำงานแบบถึงพื้นดิน
“เมื่ออุดมการณ์ไม่ได้เป็นไปดังเดิมแล้ว ผมอยากให้เขาลบชื่อผมที่ตั้งเป็นชื่อถนน ชื่ออาคาร และสวนกล้วยไม้ ออกดีกว่า เพราะเอาชื่อผมไปตั้งนั่นตั้งนี่ แต่ไม่ได้ทำตามเหมือนที่เราประพฤติปฏิบัติไว้ มันก็ไม่มีประโยชน์อันใด แสดงว่าเขาไม่ได้ยกย่องเราจริง"
"เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ทำให้ผมน้ำตาไหลทุกครั้ง เพราะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสั่งสอนผมไว้ว่า อย่าทิ้งศิลปะ โดยศิลปะที่ว่าก็คือการทำงานลงพื้นดิน ซึ่งพระองค์ท่านก็ปฏิบัติอย่างนี้มาโดยตลอด สมัยก่อนเมื่อมีงานที่มหาวิทยาลัยเกษตรฯพระองค์เสร็จมาตลอด”ศาสตราจารย์ระพี กล่าว
อดีตอธิการบดีมก.กล่าวว่า มหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อรับใช้เกษตรกรและประชาชนทั่วไป หากมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจและสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีเบื้องหลังอยู่มาก ทุกอย่างก็จบ โดยเฉพาะคณะเกษตร เป็นคณะสำคัญ แต่เดี๋ยวนี้กลับถูกแทรกแซงจากเอกชนเยอะ ทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเอง
ศาสตราจารย์ระพีกล่าวว่า ตนออกมาพูดเรื่องนี้ได้เต็มปากเพราะไม่ต้องการผลประโยชน์อื่นใด เพียงแต่อยากเห็นว่าในสิ่งที่บูรพาจารย์เคยวางแนวเอาไว้ สิ่งไหนดี คนรุ่นหลังก็น่าจะสานต่อ โดยเฉพาะการรับใช้เกษตรกร ไม่ใช่ไปแข่งกันสร้างหุ่นยนต์ หรือไปสร้างหลักสูตรหรือคณะที่แข่งขันกันด้านการตลาดเพื่อให้เด็กมาเรียนเยอะๆ
อนึ่ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้บริหารมหาวิทยาลัยเกษตรฯถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมในหลายกรณี เช่น การจัดงานวันเกษตรแฟร์ ได้ให้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเกษตรและปุ๋ยมาใช้พื้นที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่ ขณะที่เกษตรกรตัวจริงกลับได้รับโอกาสน้อยลง
นอกจากนี้ยังมีกรณีเรื่องการแต่งตั้งผู้บริหารในเครือบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการเกษตรให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการพื้นที่ไร่สุวรรณ(ศูนย์วิจัยข้าวโพดและข้าวฟ่างแห่งชาติ) อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นความพยายามแปรรูปงานวิจัยต่างๆที่เคยเป็นของนักศึกษาและเกษตรกรไปสู่มือของธุรกิจเอกชนผูกขาด
หมายเหตุ : ข่าวและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก "Paskorn Jumlongrach"