ฟังความจริงอีกด้าน! จาก 'เจ้าของช้าง' กรณีการล้มลงของพังสำรวย
"..เราเลี้ยงสำรวยมากว่าสิบปี มีความรักความผูกพันธ์มากขอความเห็นใจถึงความรู้สึกผู้เลี้ยงช้างด้วย"
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org : จากกรณี สำนักข่าวอิศรา ได้นำข้อเขียนของ นายภาสกร จำลองราช นักข่าวอิสระ ที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อว่า Paskorn Jumlongrach เรื่อง การล้มลงของพังสำรวย มาเผยแพร่ต่อเมื่อวันที่ 7 ก.พ.2559
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา ได้รับการติดต่อจาก นายสุริยะ ยุงรัมย์ เจ้าของพังสำรวย เพื่อขอชี้แจงข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่งของเรื่องนี้
--------------
การประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือพังสำรวย เกิดขึ้นตั้งแต่คืนวันที่ 5 ก.พ. 2559 ไม่ใช่วันที่ 6 ก.พ.ตามที่เป็นข่าว และเจ้าของช้างเป็นคนบุรีรัมย์ ไม่ใช่ จ.สุรินทร์
ขณะที่พังสำรวยได้ล้มตายก็เป็นช่วงบ่ายของวันที่ 6 ก.พ. ไม่ใช่วันที่ 7ก.พ.แต่อย่างใด
ทั้งนี้ตั้งแต่ที่สำรวยล้มป่วย เราได้ประสานสัตวแพทย์จากจังหวัดนครปฐมมารักษาพังสำรวยมาโดยตลอด(ไม่ขอเอ่ยนาม) และรักษาทุกวิธีทาง
แต่เมื่อเราถามหมอถึงอาการล้มป่วยของพังสำรวย หมอกลับบอกว่าช้างไม่ได้เป็นอะไร บอกเพียงว่าต้องรักษาอีกนานหลายปี ซึ่งเราก็ยังไม่ทราบเลยว่าช้างของเราป่วยเพราะโรคอะไร สำหรับค่าใช้จ่ายในการรักษาพังสำรวยทุกครั้งเราเป็นคนจ่ายค่ารักษาเองทั้งหมด
ส่วนการผ่าพิสูจน์ซากพังสำรวยที่ในข่าวระบุว่าเราไม่ยอมให้ผ่า
ข้อเท็จคือไม่ใช่ว่าเราไม่ยอมให้ผ่า แต่ขณะนั้นไม่มีใครเสนอว่าจะให้ผ่าพิสูจน์ ทั้งๆที่มีสัตวแพทย์อยู่บริเวณนั้นหลายท่าน
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่ผู้สื่อข่าวเขียนว่าเจ้าของช้างจะเอาพังสำรวยไปรักษาที่จ.สุรินทร์ ท่ามกลางเสียงห้ามปราม ซึ่งความจริงคือเรามีความประสงค์ที่จะเอาพังสำรวยไปรักษาที่จ.สุรินทร์ตั้งแต่สำรวยยังมีอาการไม่หนัก เนื่องจากที่จ.สุรินทร์มีศูนย์ดูแลช้างโดยเฉพาะ
อีกทั้งเห็นว่าภายหลังที่พังสำรวยรับการรักษาจากสัตวแพทย์ที่มาจากนครปฐมหลายครั้งแต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น
ดังนั้นเราจึงดำเนินการขออนุญาตจากทางการและได้รับการอนุญาตให้นำช้างเดินทางไปรักษาที่จ.สุรินทร์ได้ตั้งแต่ช่วงเช้า กระทั่งนำสำรวยขึ้นรถเตรียมเดินทางออกจากพัทยา ก็มีโทรศัพท์จากกระทรวง(ซึ่งเจ้าของช้างจำไม่ได้ว่าเป็นกระทรวงอะไร)ระบุว่าไม่อนุญาตให้นำสัตว์ออกจากพื้นที่แล้ว และให้รอสัตวแพทย์จากกทม.มาดูแลให้ ซึ่งเราก็รอจนกระทั่งประมาณบ่ายสอง
ขณะนั้นพังสำรวยยังอยู่บนรถเนื่องจากไม่สามารถเดินขึ้นลงรถได้อีก
ต่อมาเมื่อสัตวแพทย์จากกทม.เดินทางมาถึง ได้ทำการฉีดยาให้พังสำรวยจำนวน5เข็ระหว่างนั้นเราสังเกตเห็นว่าช้างไม่ไหวแล้วปากเริ่มเขียว แต่หมอบอกว่าไม่เป็นไรหมอจะช่วยเต็มที่
จากนั้นก็ทำการฉีดยาต่ออีกหลายเข็ม เท่าที่เรานับได้ประมาณ20กว่าเข็ม แล้วสำรวยก็ตาย สุดท้ายหมอก็ไม่ได้บอกว่าสำรวยป่วยด้วยโรคอะไร
เราเลี้ยงสำรวยมากว่าสิบปี มีความรักความผูกพันธ์มาก
ขอความเห็นใจถึงความรู้สึกผู้เลี้ยงช้างด้วย
พอเห็นข่าวนี้แล้วคนรอบตัวก็มาถามเยอะ ว่า "ทำไมถึงมีข่าวในเชิงว่าเราใช้ไม่เหลียวแล ปล่อยให้ช้างป่วยจนตาย"