'ไกร ตั้งสง่า' ค้านโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
สจล. มิได้จดทะเบียนตาม พ.ร.บ.ธุรกิจการค้ากับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ย่อมจะมีผลเท่ากับส่อว่าเป็นการจงใจแสวงหาประโยชน์โดยการเลี่ยงภาษี ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภาษีรายได้ ตลอดจนภาษีการค้าใช่หรือไม่
วันที่ 23 กันยายน นายไกร ตั้งสง่า กรรมการสภาวิศวกร ออกแถลงการณ์คัดค้านโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ด้วยโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่ได้ดำเนินการมาจนถึงการเตรียมส่งงานแล้วนั้น สรุปได้ว่า สถาบันเทคโนโลยีเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) และ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) ไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นผู้ดำเนินโครงการตามข้อตกลงที่ทำไว้ได้ ด้วยเหตุผลสำคัญ ดังนี้
ข้อ 1. การรับทำโครงการของ สจล. และ มข. เข้าข่ายทำผิดกฎหมาย เนื่องจากเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.ของตนเองเพื่อเป็นสถานศึกษาที่มีวัตถุประสงค์หลักในด้านการเรียนการสอน การวิจัย และบริการสังคม จึงไม่สามารถรับจ้างเป็นคู่สัญญาประกอบวิชาชีพวิศวกรรมหรือวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุม กับหน่วยงานราชการและเอกชนใดๆได้ เพราะไม่มีใบอนุญาตประเภทนิติบุคคลฯตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย อันเนื่องจากมีคุณสมบัติไม่ครบถ้วน จึงไม่สามารถจดทะเบียนขอรับใบอนุญาตฯได้ แต่ สจล.และ มข.สามารถให้บริการทางวิชาการแก่สังคมที่มิใช่รับจ้างเป็นคู่สัญญาในงานวิชาชีพวิศวกรรมหรืองานสถาปัตยกรรมควบคุม หรือออกแบบและลงนามรับรองของวิศวกร/สถาปนิกผู้มีใบอนุญาตประเภทบุคคลสาขานั้นๆได้
ข้อ 2. สจล. ซึ่งรับทำโครงการไม่มีใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพงานวิศวกรรมควบคุม จึงไม่มีผู้รับผิดชอบต่อผลงานตลอดจนความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินของประเทศชาติและประชาชนในอนาคต
ข้อ 3. บทบาทของ สจล. ไม่อยู่ในฐานะที่ทำโครงการได้ เนื่องจาก สจล.มีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐ ซึ่งอาจกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 75 แห่งรัฐธรรมนูญปี 2559 ที่เพิ่งผ่านการทำประชามติ และรัฐธรรมนูญทุกฉบับของประเทศไทยที่เคยมีมาทุกฉบับที่ว่า รัฐจะมาทำธุรกิจแข่งขันกับเอกชนมิได้
ข้อ 4. การที่ สจล. ได้งานมาโดยอ้างวิธีพิเศษทำให้ไม่มีการแข่งขันกับบริษัทที่ปรึกษาอื่นแต่อย่างใด ซึ่งกทม.ทำสัญญาจ้างโดยอ้างมติ ครม. ปี 2536 เป็นการกระทำที่อาจผิดกฎหมาย พรบ.วิศวกร พ.ศ.2542 เพราะ พ.ร.บ.วิชาชีพ มีศักดิ์เหนือกว่า มติ ครม.
ข้อ 5. การอ้างระเบียบของ สจล. ว่าสามารถทำการรับจ้างออกแบบคุมงานได้ แต่เนื่องจาก พ.ร.บ. สจล. ที่ตราไว้นั้นไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อการค้า แต่ระเบียบที่นำมาอ้างนั้นเป็นกฎหมายที่มีศักดิ์ต่ำกว่า พ.ร.บ. วิศวกร อีกทั้ง สจล. มิได้จดทะเบียนตาม พ.ร.บ.ธุรกิจการค้ากับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ย่อมจะมีผลเท่ากับส่อว่าเป็นการจงใจแสวงหาประโยชน์โดยการเลี่ยงภาษี ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ภาษีรายได้ ตลอดจนภาษีการค้าใช่หรือไม่
ข้อ 6. สจล. ประกาศต่อสาธารณะชัดเจนว่าได้แบ่งงานต่อ (sub contract) ให้บริษัทสถาปนิกที่ปรึกษาและบริษัทวิศวกรที่ปรึกษา อันเป็นการส่อเจตนาที่อาจจะทุจริตในระบบหัวคิวและระบบภาษีที่ไม่ถูกต้อง และไม่สามารถตรวจสอบการเงินตามขบวนการการจ้างที่ปรึกษาตามปกติได้ อันอาจนำไปสู่การร้องเรียน ปปท. ป.ป.ช. สตง. และศาลทุจริตแห่งชาติ
ข้อ 7. สจล. ทำโครงการนี้ไม่ได้เพราะแม้แต่องค์กรหลัก เช่น นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญในคณะสถาปัตยกรรมทั้งของ สจล. และ มข. ต่างปฎิเสธไม่เข้าร่วมโครงการนี้ ทั้งที่อยู่ในสถาบันเดียวกัน ย่อมแสดงว่ามีเพียงบุคคลบางคนใน สจล.เท่านั้นที่ทำโครงการนี้ในนาม สจล. ทั้งที่สวนทางกับการปฎิบัติตามวิชาชีพ
ข้อ 8. สจล. ต้องไม่ใช่ผู้ทำโครงการนี้ เพราะมีสถานะเป็นครูบาอาจารย์ ที่ต้องมีจรรยาบรรณ ต้องมีศีลธรรม ต้องมีคุณธรรม ที่จะต้องสูงกว่าคนอื่น เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกศิษย์ และสร้างบรรทัดฐานที่ดีให้กับสังคมไทย
ข้อ 9. แม้การที่สถาบันการศึกษาแทบทุกมหาวิทยาลัยทั่วประเทศได้จัดตั้งศูนย์บริการวิชาการเพื่อรับออกแบบคุมงานงานวิชาชีพวิศวกรรมควบคุม สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำโดยวิธีพิเศษ ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายมาโดยตลอด เนื่องจากไม่เป็นไปตาม พ.ร.บ. วิศวกร แต่ สจล.ก็ยังกระทำความผิดเฉกเช่นเดียวกันนั้นอีก ทั้งที่เป็นสิ่งไม่สมควรกระทำ
"ข้าพเจ้าผู้ออกแถลงการณ์นี้เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับโครงการพัฒนาริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้ดีขึ้น แต่ไม่เห็นด้วยกับแบบที่นำเสนอที่ล้ำเข้าไปในแม่น้ำเจ้าพระยา และไม่เห็นด้วยที่ให้ สจล.ซึ่งป็นสถาบันการศึกษาที่สำคัญแห่งหนึ่งของสังคม แต่ไม่มีใบอนุญาตมาทำงานวิศวกรรมควบคุม เพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายตั้งแต่เริ่ม และทำให้สังคมสับสนในรู้สึกความผิดชอบชั่วดีของผู้มีฐานะเป็นครูบาอาจาจารย์ ก่อให้เกิดความเสื่อเสียต่อสถาบันการศึกษาชั้นนำของประเทศ"
อ่านประกอบ:
สภาวิศวกร แถลง 'ไกร ตั้งสง่า' ค้านโครงการริมฝั่งเจ้าพระยา เป็นความเห็นส่วนตัว