ผู้ดูแลอพาร์ตเมนต์ ยัน'ต่างชาติ' ถูกจับเอี่ยวบึมราชประสงค์ ย้ายมาไม่ถึงเดือน

เจ้าของอพาร์ตเมนต์ย่านหนองจอก โพสต์เฟชบุค ยันต่างชาติเช่าห้องเกิดเหตุมาเกือบสองปีแล้ว อึ้งพบอาวุธระเบิด มากกว่าที่พบในราชประสงค์ ส่วนห้อง 412 เพิ่งย้ายมาได้ไม่ถึงเดือน 

หลังจากเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2558 เจ้าหน้าที่ไทยจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติ ที่เชื่อว่ามีส่วนพัวพันในเหตุลอบวางระเบิดบริเวณหน้าศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ ในวันที่ 17 สิงหาคม จนที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากนั้น  โดยมีการระบุ ผู้ต้องสงสัยต่างชาติรายนี้พักอยู่ที่ พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก และเป็นผู้เช่าห้องทั้งหมด 5 ห้อง ประกอบด้วย 404, 409, 410, 411 และ 412 โดยเช่าไว้ตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.57 นั้น

สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบไปยังเฟชบุค ที่คาดว่า เป็นผู้ดูแลอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว มีการเช็คอิน บ้านดาว-พูลอนันต์พาร์ทเม้นต์ ไว้เมื่อ 3 กันยายน 2556  ระบุ ชั้น 4 มีลูกค้าเพิ่ม 2 ห้อง (6คน) เป็นชาวตุรกี   

กระทั่งเมื่อเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจสนธิกำลังเข้าปิดล้อมอพาร์ตเมนต์นี้ ช่วงวันที่ 29 สิงหาคม ปรากฎว่า มีเฟชบุค อีกชื่อหนึ่งซึ่งคาดว่า เป็นผู้ดูแลอพาร์ตเมนต์คนเดียวกันก็โพสต์ข้อความ 

“ใจเย็นๆค่ะ เพื่อนๆ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แค่ผู้ประกอบระเบิดราชประสงค์อาศัยอยู่ในหอพักที่ดูแลอยู่ ขอบคุณที่เป็นห่วง อินบ็อกซ์ ไลน์ โทร เฟสทาม มาเต็ม เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองปราบ สืบสวน พิสูจน์หลักฐาน ทหาร นักข่าว น่ารักทุกคน พบอุปกรณ์ประกอบระเบิด แบตเตอรี่ เคมีที่ใช้ทำระเบิด อยู่ภายในห้องพักเลขที่ 412 ทางตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้ทำการเก็บข้อมูลหลักฐานที่พบในห้องพักเรียบร้อยเเล้ว และเพื่อความปลอดภัยและความมั่นคงของชาติ ตำรวจขออนุญาตนำกำลังค้นห้องพักทุกห้อง ต้องขอขอบคุณพี่ๆน้องๆที่พักอาศัยในหอพักทุกคนให้ความร่วมมือดี”

สำหรับผู้ต้องสงสัยต่างชาติรายนี้พักอยู่ และเป็นผู้เช่าห้องทั้งหมด 5 ห้อง นั้น เจ้าของเฟสบุค ระบุว่า  ห้อง 414 เช่ามาเกือบสองปีแล้ว  พบอาวุธระเบิด มากกว่าที่พบในราชประสงค์ ส่วนห้อง 412 เพิ่งย้ายมาได้ไม่ถึงเดือน  

"ตุรกีที่อยู่ในห้องพัก ให้คำสารภาพว่า เป็นผู้ประกอบระเบิด เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระเบิดราชประสงค์ แต่ไม่ได้บอกว่า เป็นมือวางระเบิด ดังนั้น กรณีดังกล่าวขอให้ ฟังข่าว อ่านข่าว ควรกลั่นกรองเสียก่อน"

ทั้งนี้ เจ้าของเฟสบุคดังกล่าวที่ถูกกันเป็นพยาน ยังระบุด้วยว่า จะไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ทั้งนั้น เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้