- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- สปช.รับทราบผลดำเนินการ กมธ.ยกร่าง รธน. 34 ประเด็น
สปช.รับทราบผลดำเนินการ กมธ.ยกร่าง รธน. 34 ประเด็น
สภาปฏิรูปแห่งชาติ รับทราบผลการดำเนินการของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และพิจารณารายงาน การจัดทำวิสัยทัศน์และออกแบบอนาคตประเทศไทย 34 ประเด็น
วันที่ 26 ม.ค.ที่ประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช. มีนายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.เป็นประธานการประชุม ได้รับทราบผลการดำเนินการของคณะกรรมธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยพลเอกเลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกกรรมธาธิการยกร่างฯ ระบุว่า ขณะนี้ อยู่ระหว่าง การพิจารณาในภาคที่ 3 นิติธรรม ศาล การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ และองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันพุธนี้
ขณะที่การยกร่างรัฐธรรมนูญรายมาตราเสร็จสิ้นแล้ว จำนวน 90 มาตรา ในบททั่วไป ภาค 1 พระมหากษัตริย์และประชาชน หมวด 1 พระมหากษัตริย์ หมวด 2 ประชาชน ส่วนที่ 1 ความเป็นพลเมืองและหน้าที่พลเมือง ส่วนที่ 2 สิทธิและเสรีภาพของบุคคล ส่วนที่ 3 การมีส่วนร่วมทางการเมืองและส่วนที่ 4 การมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ โดยมีหลายประเด็นที่แตกต่างจากรัฐธรรมนูญปี 2550 เช่น มาตรา 7 วรรคสอง ที่ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาด กรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับการกระทำ ที่ไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ตามวรรคหนึ่ง นอกจากนี้ในประเด็นการมีส่วนร่วมทางการเมือง ยังกำหนดให้พลเมืองผู้มีสิทธิเลือกตั้งย่อมมีส่วนร่วมตัดสินใจโดยการลงประชามติในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ หรือในกรณีที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้มีการออกเสียงประชามติ เป็นต้น
จากนั้น ที่ประชุมพิจารณารายงานการจัดทำวิสัยทัศน์และออกแบบอนาคตประเทศไทย ของคณะกรรมาธิการวิสามัญจัดทำวิสัยทัศน์และออกแบบอนาคตประเทศไทย ที่กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว เกี่ยวกับวาระปฏิรูป 34 ประเด็น เช่น ประเด็นการเมือง การป้องกันการทุจริต พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมและธรรมาภิบาล มี 2 วาระ คือ ป้องกันทุจริต โดยสร้างกลไกจัดการปัญหา เอาผิดผู้ทุจริตอย่างจริงจัง และปฏิรูประบบพรรคการเมือง การเข้าสู่อำนาจ ด้วยสมัชชาพลเมือง หรือสมัชชาประชาชน วางกลไกให้คนดีเข้าสู่สภา ขณะที่พรรคการเมืองต้องไม่เป็นของนายทุน
ประเด็นระบบบริหารราชการแผ่นดินและการปกครองท้องถิ่น มี 3 วาระ คือ ปรับโครงสร้างอำนาจส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น โดยกำหนดขอบเขตอำนาจความสัมพันธ์ระหว่างส่วนราชการ รวมถึงประชาชน / ดูแลงบประมาณ ด้วยการสร้างระบบตรวจสอบและประเมินความคุ้มค่า และเพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพการบริหารงานภาครัฐ ยกระดับบริการสาธารณะให้มีคุณภาพ
ประเด็นนิติรัฐ และกระบวนการยุติธรรม มี 2 วาระ คือ ปฏิรูปกิจการตำรวจ กระจายอำนาจบริหารและจัดโครงสร้างใหม่ และตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ โดยเน้นเรื่องใช้อำนาจและดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมและตรวจสอบ
ประเด็นเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง การเกษตร อุตสาหกรรม การบริการ พลังงานและแรงงาน มี 8 ประเด็น เช่น ปฏิรูปโครงสร้างภาษี ด้วยการสร้างระบบภาษีที่เป็นธรรม ลดความซ้ำซ้อนและช่องโหว่ของระบบภาษี / ปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ด้วยการยุบรัฐวิสาหกิจที่ไม่จำเป็น ยกระดับประสิทธิภาพและธรรมาภิบาล รวมถึงลดการแทรกแซงจากรัฐ จัดตั้ง Holding Company / ปฏิรูปที่ดิน ด้วยการตั้งธนาคารที่ดิน และให้สิทธิชุมชนจัดการทรัพยากร / ปฏิรูปการเงินรากฐานและสหกรณ์ ด้วยการจัดกองทุนการออมชุมชน สหกรณ์ชุมชน เป็นต้น
ประเด็นโครงสร้างและสาระของการสื่อสาร และศิลปวัฒนธรรม มี 3 ประเด็น เช่น กำกับดูแลสื่อมวลชน ด้วยการให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมดูแล รวมถึงส่งเสริมการดูแลกันเองของสื่อ นอกจากนี้ต้องมีสิทธิเสรีภาพบนความรับผิดชอบ สร้างกลไกป้องกันการแทรกแซงสื่อ ยกระดับจริยธรรมสื่อ รวมถึงมีมาตรการกำกับการประชาสัมพันธ์และการโฆษณาของรัฐที่โปร่งใส
ส่วนวาระการพัฒนา จำนวน 7 ประเด็น เช่น แรงงานข้ามชาติ โดยจัดให้มีระบบและดูแลสวัสดิการ เป็นศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศ ด้วยการพัฒนาด้านเกษตรและอาหาร ท่องเที่ยวคู่กับสุขภาพ และยานยนต์ / พัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางขนส่งของอาเซียน / พัฒนาเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ ด้วยการกำหนดเขตเศรษฐกิจใหม่ เป็นต้น
ขณะที่ก่อนการประชุม นายเทียนฉาย ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกได้หารือ โดยนางสาวรสนา โตสิตระกูล สปช.ได้สอบถามถึงการยกเลิกการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดบิดเบือน นอกจากนี้ ได้เปรียบเทียบกับประเทศพม่าที่นำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ราคาน้ำมันกลับถูกกว่าประเทศไทย ที่มีโรงกลั่นน้ำมันสามารถผลิตใช้และส่งออกได้ จึงเห็นควรให้ยกเลิก.
ขอบคุณข่าวจาก