- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- ศาลฎีกาฯรับฟ้อง 'บุญทรงและพวก' 21 ราย ฮั้วประมูลจีทูจี
ศาลฎีกาฯรับฟ้อง 'บุญทรงและพวก' 21 ราย ฮั้วประมูลจีทูจี
19 เม.ย. 58 นายธนฤกษ์ นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา เปิดเผยถึงการนัดฟังคำสั่ง คดีที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวก รวม 21 ราย คดีทุจริตและฮั้วประมูลโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี ว่า เมื่อวันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมา องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คน มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นว่า คดีครบองค์ประกอบความผิด และอยู่ในเขตอำนาจพิจารณาของศาลฎีกาฯ จึงให้ประทับฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาเพื่อมีคำพิพากษา โดยนัดพิจารณาคดีครั้งแรกเพื่อสอบคำให้การจำเลยในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ เวลา 09.30 น. ซึ่งจำเลยทั้งหมดจะต้องเดินทางมาศาลในวันดังกล่าวด้วย
"คดีนี้ องค์คณะผู้พิพากษา มีมติให้ตัวเองเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่รู้สึกหนักใจอะไร เพราะการพิจารณาคดีจะไปตามพยานหลักฐานในสำนวน ด้วยความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ศาลฎีกาฯ มีคำสั่งรับฟ้อง จำเลยทั้ง 21 ราย ยังไม่มีบุคคลใด ยื่นคำร้องเพื่อขอประกันตัวแต่อย่างใด ขณะที่การยื่นประกัน จำเลยสามารถยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราวได้นับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งรับฟ้อง ไปจนถึงวันนัดพิจารณาครั้งแรกที่จะสอบคำให้การจำเลย ซึ่งในวันดังกล่าวเป็นวันที่จำเลยทั้งหมดจะต้องมาแสดงตัวต่อหน้าศาลเป็นครั้งแรก นับจากวันที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลฎีกาฯ เมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา
โดยคดีนี้ อัยการ และ ป.ป.ช.ได้รวบรวมเอกสารหลักฐาน 205 ลัง 1,628 แฟ้ม จำนวนกว่า 70,000 หน้า ยื่นฟ้อง นายบุญทรง อดีต รมว.พาณิชย์ และพวก รวม 21 ราย ซึ่งเป็นอดีตนักการเมือง 3 คน ข้าราชการการเมือง 3 คน และที่เหลือเป็นนิติบุคคล กับกรรมการผู้มีอำนาจในนิติบุคคล เป็นจำเลย ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือ ฮั้วประมูล พ.ศ. 2542 มาตรา 4 , 9 , 10 , 12 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจโดยทุจริตสร้างความเสียหายแก่รัฐ และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 , 123 และ 123/1 ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต
ในการยื่นฟ้อง อัยการสูงสุดยังขอให้สั่งปรับจำเลยทั้งหมด เป็นเงิน 35,274,611,007 บาท ซึ่งค่าปรับดังกล่าวคิดคำนวณจากมูลค่าครึ่งหนึ่งตามสัญญาระบายข้าว 5 หมื่นตัน ที่พบว่ามีการกระทำผิดสัญญา 4 ใน 8 ฉบับด้วย
ขอบคุณข่าวจาก