- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- นายกฯ รู้แล้ว "อียู"เตรียมคว่ำบาตรไทย
นายกฯ รู้แล้ว "อียู"เตรียมคว่ำบาตรไทย
รองโฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ รับทราบรายงาน "อียู"เตรียมคว่ำบาตรไทย ชี้เป็นเรื่องดีให้ทุกหน่วยงานร่วมมือแก้ปัญหาให้ทันเวลา มั่นใจมาตรการของไทยเดินถูกทางแล้ว พร้อมใช้ ม.44 ปลดล็อกทุกปม หากหน่วยงานเสนอ
เมื่อวันที่ 21 เม.ย. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มสหภาพยุโรป(อียู) ยื่นคำขาดให้เวลาไทย 6 เดือน สำหรับการแก้ไขนโยบายการทำประมง หรือจับปลาโดยผิดกฎหมาย ซึ่งหากไม่มีการปรับปรุงทางอียูจะคว่ำบาตรด้วยการห้ามนำเข้าอาหารทะเลจากประเทศไทยภายในสิ้นปีนี้ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว และได้ปรารภในที่ประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) เมื่อช่วงเช้าวันนี้ ให้มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างเต็มที่ และเป็นระบบ ซึ่งต้องยอมรับว่าปัญหาดังกล่าวสะสมมานาน จนเป็นเหตุให้อียูมีการประกาศยื่นคำขาดดังกล่าว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ได้แก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ และมีคณะอนุกรรมการย่อยอีก 5 ชุด ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาแรงงานประมง ที่มีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มอายุลูกเรือ การจดทะเบียนเรือ และการติดตั้งจีพีเอส ซึ่งได้มีการแก้ไขปัญหาเป็นขั้นตอนมาโดยตลอด และมีการรายงานในเรื่องการปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างละเอียด ซึ่งมั่นใจว่าการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเป็นการแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง และเดินมาถูกทางแล้ว ส่วนการแจ้งเตือนดังกล่าวก็เป็นเรื่องที่ทราบมาก่อนหน้านี้ และถ้ามีการประกาศอย่างเป็นทางการจริง ก็จะถือว่าพลิกวิกฤติเป็นโอกาส เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องมุ่งมั่นและร่วมกันทำตามแผนการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบในเวลา 6 เดือน และจะทำให้ทุกส่วนได้รู้ว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่รัฐบาลกังวลไปเอง แต่เกิดขึ้นจริง จึงต้องช่วยกันให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ เพราะถ้าครบกำหนดแล้วก็จะเกิดผลกระทบต่อการส่งออก และเกิดผลเสียต่อประเทศเป็นอย่างมาก
"เรามั่นใจในแผนการแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา ซึ่งปลายปีที่แล้วเราได้มีการทำ แต่อยู่ในช่วงกำลังตั้งไข่ จึงยังไม่เป็นระบบ พอมีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบในบางจุดแล้ว แต่คงเก็บข้อมูลที่ยังไม่ตอบโจทย์เขาทั้งหมด จึงมีการประกาศออกมาแบบนี้ แต่หลังจากที่มีการตั้งคณะกรรมการ มีการตรวจสอบ เราก็มั่นใจว่าเราเดินมาถูกทาง หลังจากนี้ก็ขอให้ทุกคนตระหนักและร่วมมือกัน"พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี แต่ต้องยอมรับว่าเรือประมงมีจำนวนมาก การจดทะเบียนจึงไม่สามารถทำเสร็จภายใน 1-5 วัน ประกอบกับต้องมีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ จึงต้องใช้เวลา ส่วนจะมีการใช้คำสั่ง คสช. ตามมาตรา 44 ดำเนินการในเรื่องนี้หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีการพูดถึง เพราะเรื่องนี้มีระบบของมันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องปลดล็อกเรื่องใดเป็นพิเศษ แต่หากมีบางประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาใหม่ แล้วไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ตามเวลาที่กำหนด นายกรัฐมนตรี ก็พร้อมใช้มาตรา 44 ที่จะปลดล็อกในเรื่องดังกล่าว หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอมา.
ขอบคุณข่าวจาก