- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- ยกปชช.ต้านซื้อเรือดำน้ำ ทร.พลิ้วช็อปอาวุธอื่นอยู่ดี
ยกปชช.ต้านซื้อเรือดำน้ำ ทร.พลิ้วช็อปอาวุธอื่นอยู่ดี
"เดอะแจ๊ค" เผย ปชช.ร้องขอให้ค้านซื้อเรือดำน้ำ ยันยุคข้าวยากหมากแพงไม่จำเป็น ชี้มีกองกำลังคุ้มครองทางทะเลได้ดีอยู่แล้ว ย้อน ทร.เคลียร์ปมทุจริตยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ก่อน สงสัยมีค่าคอมมิชชั่นหรือไม่ ท้า "บิ๊กตู่" หากนั่งเรือเหาะจากปัตตานีมาบินโชว์รอบสนามหลวงได้จะยุติการคัดค้าน ด้าน "ทร." ร่อนเอกสารแจงเหตุผล 5 ข้อต้องเร่งจัดหา อ้างหากไม่ใช้ซื้อเรือดำน้ำก็ใช้ซื้ออาวุธอย่างอื่นอยู่ดี
ที่พรรคประชาธิปัตย์ วันที่ 30 กรกฎาคม นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงคัดค้านการซื้อเรือดำน้ำ 3 ลำ มูลค่า 36,000 ล้านบาท ของกองทัพเรือว่า ตนได้รับการร้องขอจากประชาชนให้แถลงคัดค้านเรื่องดังกล่าว ในฐานะที่ตนเป็นอดีตโฆษกกรรมาธิการพิจารณางบประมาณ ยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นต้องซื้อเรือดำน้ำในปัจจุบันแต่อย่างใด ตนรักชาติไม่แพ้นายพลทั้งหลาย และเป็นหุ้นส่วนประเทศคนหนึ่ง ถ้ากองทัพเรือจะซื้อเรือดำน้ำ ต้องแถลงเรื่องการทุจริตโครงการติดตั้งอุปกรณ์ปล่อยเป้าลวงอาวุธนำวิถีของข้าศึกบนเรือรบหลวงนเรศวรและเรือรบหลวงตากสินเสียก่อน ว่ามีการทุจริตหรือไม่อย่างไร เพราะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ได้นำมาอภิปรายไม่ไว้วางใจในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายวัชระกล่าวต่อว่า หากจะซื้ออาวุธอีก ก็ควรดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นรถถังจากยูเครน เรือเหาะ หรือเครื่อง GT 200 ว่ามีประสิทธิภาพหรือความโปร่งใสหรือไม่ อย่างไร การซื้อต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพกำลังพล ความคุ้มค่า ที่สำคัญคือภาวะการเงินการคลังของประเทศในปัจจุบันมีความจำเป็นแค่ไหน ในภาวะข้าวยากหมากแพง ทำไมจำเป็นต้องซื้อถึง 3 ลำ 36,000 ล้าน ถ้าซื้อแล้วดีจริงสมคำกล่าวอ้างก็เป็นบุญของประเทศชาติ ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้งคณะกล้าเอาชื่อเสียงการันตีหรือไม่ว่ามีประสิทธิภาพจริง ไม่ใช่ซื้อเรือดำน้ำแล้วจะกลายเป็นเหมือนเรือเหาะที่จอดนิ่งที่ จ.ปัตตานี การอ้างว่าต้องปกป้องผลประโยชน์ทางทะเลจึงต้องซื้อนั้น ปัจจุบันเรามีกองกำลังทางอากาศที่ทันสมัย คุ้มครองทางทะเลได้ดีอยู่แล้วร่วมกับกองทัพเรือ ไม่จำเป็นต้องซื้อเรือดำน้ำแต่อย่างใด
"ถามว่าการผลักดันอย่างหนักหน่วงในยุคนี้เกี่ยวพันกับค่าคอมมิชชั่นหรือไม่ ถ้ามีประโยชน์อย่างแท้จริงทำไมมีเสียงคัดค้านอย่างกว้างขวาง ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถนั่งเรือเหาะจากปัตตานีมาบินโชว์รอบสนามหลวงได้ ผมก็จะยุติการคัดค้านซื้อเรือดำน้ำ และผมสงสัยจริงๆ ว่าเคยมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ได้อ่านและนำไปปฏิบัติบ้างหรือไม่ ไม่อยากให้ซื้ออาวุธเป็นแฟชั่นตอบสนองใครบางคน เพราะเกี่ยวพันกับสถานะการเงินการคลังของประเทศ อาจประสบชะตากรรมเหมือนประเทศกรีซที่มีปัญหาก็เพราะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมาก จนหายนะทางเศรษฐกิจ” นายวัชระกล่าว
นายวัชระกล่าวด้วยว่า ในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็มีการผลักดันให้ซื้อเรือดำน้ำแต่ไม่สำเร็จ และพบว่าเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยในขณะนั้นไปล็อบบี้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่ง เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณพ้นผิดในคดีซุกหุ้นมาแล้ว ชื่ออะไรให้ไปดูยุคนั้นว่าเป็นใครคือคนนั้น
วันเดียวกัน กองทัพเรือได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการเลือกเรือดำน้ำจีน 3 ลำ วงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท จำนวน 9 หน้า หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้กองทัพเรือกลับไปทำความเข้าใจ และสร้างการรับรู้ให้กับสาธารณชน ก่อนจะมีการนำโครงการดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ในสถานการณ์ที่เหมาะสม สำหรับเอกสารดังกล่าว พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบหมายให้ พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะประธานคณะกรรมการคัดเลือกแบบ จัดทำข้อมูลในเชิงเทคนิค ในภาษาที่อธิบายให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น
เนื้อหาประกอบไปด้วย 5 ประเด็นหลัก คือ 1.ความจำเป็นในการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ 2.เรือดำน้ำกับความมั่นคงในสถานการณ์และภัยคุกคามปัจจุบัน 3. เรือดำน้ำกับผลประโยชน์ของชาติทางทะเล 4. เรือดำน้ำกับความเหมาะสมทางภูมิศาสตร์ และ 5.การพิจารณาคัดเลือกเรือดำน้ำจีน ของกองทัพเรือ รวมถึงภาพประกอบเกี่ยวกับกำลังเรือดำน้ำของชาติต่างๆ ในภูมิภาค เรือดำน้ำของประเทศเพื่อนบ้าน เส้นทางคมนาคมทางทะเล ผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมถึงการเปรียบเทียบเรือดำน้ำกับความลึกของทะเล ขีดความสามารถของเรือดำน้ำ S26T และที่สำคัญคือระบบ Stirling Engine/AIP (Air Independent Propulsion) ที่สามารถดำน้ำนานได้ถึง 21 วัน
ทั้งนี้ ท้ายเอกสารยังระบุว่า หากรัฐบาลไม่อนุมัติโครงการจัดหาเรือดำน้ำในครั้งนี้ กองทัพเรือก็ต้องพัฒนากองทัพเรือด้วยงบประมาณก้อนนี้อยู่ดี แต่เปลี่ยนเป็นการจัดหายุทโธปกรณ์ประเภทอื่นแทน เช่น เรือฟริเกต หรืออากาศยานปราบเรือดำน้ำแทน เป็นต้น ซึ่งก็ไม่สามารถทำให้กองทัพเรือบรรลุภารกิจที่สมบูรณ์ได้อยู่ดี เพราะไม่มียุทโธปกรณ์ใดสามารถมาทำงานแทนที่เรือดำน้ำได้ ดังนั้นโครงการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือครั้งนี้ ถือว่าเป็นความจำเป็นจริงๆ เพื่อผลประโยชน์ของชาติและความมั่นคงทางทะเลอย่างแท้จริง และคุ้มค่าเงินที่สุด จากเหตุผลความจำเป็นที่กล่าวมาทั้งหมด
"กองทัพเรือขอยืนยันถึงความจำเป็นที่จะต้องจัดหาเรือดำน้ำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ด้วยการเพิ่มศักยภาพของกำลังทางเรือของกองทัพเรือให้ทัดเทียมประเทศเพื่อนบ้าน และรักษาดุลกำลังทางเรือในภูมิภาคให้มีความสมดุล สำหรับแบบเรือดำน้ำนั้น กองทัพเรือพิจารณาที่จะจัดหาเรือดำน้ำรุ่น S26T จากประเทศจีน เพราะในวงเงิน 36,000 ล้านบาท ตามแพ็กเกจที่จีนเสนอนั้น สามารถทำให้กองทัพเรือบรรลุความต้องการในการมีกองเรือดำน้ำที่สมบูรณ์แบบ ตามความจำเป็นทางยุทธศาสตร์กองทัพเรือที่วางไว้ และการจัดซื้อเรือดำน้ำในครั้งนี้ก็เป็นการจัดหาในลักษณะ รัฐบาลต่อรัฐบาล หรือ G-to-G จึงมีรัฐบาลจีนให้ความมั่นใจในด้านคุณภาพและการสนับสนุนอีกด้วย" เอกสาร ดังกล่าวระบุ
ขอขอบคุณข่าวจาก