- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- "เสี่ยศุภชัย"ให้การปฏิเสธสู้คดีโกงสหกรณ์คลองจั่น 22 ล.
"เสี่ยศุภชัย"ให้การปฏิเสธสู้คดีโกงสหกรณ์คลองจั่น 22 ล.
ศาลนัดสอบปากคำ“เสี่ยศุภชัย” อดีตประธานสหกรณ์คลองจั่นยักยอกเงินในบัญชี 22 ล้าน เจ้าตัวให้การปฏิเสธ ศาลนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก 8 มี.ค.ปีหน้า ส่วนคดี"ป๋าชื่น"ร่วมกับน้องชาย"ธาริต"แอบอ้างเบื้องสูง ออกโฉนดทับพื้นที่ทหารและบุกรุกที่ดินเขาใหญ่ ศาลนัดสืบพยานครั้งแรก 16 ก.พ.ปีหน้า
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (3 ส.ค.)ที่ห้องพิจารณาคดี 809 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การจำเลยและตรวจพยานหลักฐาน คดีหมายเลขดำ อ.1739/2558 ที่พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 58 ปี อดีตประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เป็นจำเลยในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ผู้อื่นและจัดการทรัพย์สินผู้อื่นโดยทุจริตในฐานะเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน
ตามฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 18 พ.ค.นี้ ระบุความผิดสรุปว่า ขณะที่นายศุภชัยเป็นประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์ชุดที่ 29 อยู่ในตำแหน่ง 2 ปี ในเวลาต่อมานายทะเบียนสหกรณ์ฯได้ตรวจสอบพบว่า การเรียกประชุมใหญ่เป็นไปอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นไปตามข้อบังคับและกฎหมาย รวมไปถึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่การเงินทำการเบิกจ่ายเงินสดของสหกรณ์ฯ หลายครั้งหลายหน จำนวน 22,132,000 บาท เข้าบัญชีของจำเลย หรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ของประชาชน
โดยวันนี้อัยการโจทก์ จำเลย และทนายจำเลยเดินทางมาศาล ซึ่งศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้ฟังอย่างละเอียดแล้ว จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมาอัยการโจทก์แถลงขอยื่นส่งพยานเอกสารจำนวน 15 ฉบับ และขอนำพยานเข้าสืบรวม 15 ปาก ใช้เวลา 4 นัด ส่วนจำเลยแถลงขอยื่นส่งพยานเอกสารจำนวน 3 ฉบับ และขอนำพยานเข้าสืบต่อสู้คดี รวม 5 ปาก ใช้เวลา 1 นัด ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้สืบพยานตามที่โจทก์และจำเลยแถลง โดยกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรก วันที่ 8 มี.ค.2559 เวลา 09.00 น.
“ ป๋าชื่น ” กก.เขาใหญ่ เบเวอร์ลี่ฮิลล์ ให้การปฏิเสธสู้คดี ถูกกล่าวหาร่วม น้องชายอดีต อธ.ดีเอสไอ หมิ่นเบื้องสูง แอบอ้างออกโฉนดทับซ้อนที่ทหาร พร้อมนำพยาน 6 ปากสู้คดี ขณะที่อัยการเตรียมพยาน 12 ปากเบิกความ
วันเดียวกันที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลนัดพร้อมและตรวจพยานหลักฐาน คดีหมิ่นเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.1716/2558 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายบุญธรรม หรือ ป๋าชื่น บุญเทพประทาน อายุ 65 ปี กรรมการผู้มีอำนาจ บริษัท บ้านชุมทอง จำกัด และบริษัท เขาใหญ่ เบเวอร์ลี่ฮิลล์ จำกัด เป็นจำเลย ในความผิดฐาน หมิ่นประมาท ดูหมิ่นองค์รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
อัยการโจทก์ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 15 พ.ค.นี้ ระบุพฤติการณ์ว่า ระหว่างปี 2550 - ปี 2551 วันเวลาใด ไม่ปรากฏชัด ที่ดินบริเวณเขาหนองเชื่อม ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา มีบางส่วน มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชัน บางส่วนเป็นพื้นที่ทับซ้อน กับที่ดินที่ทางฝ่ายทหารที่มีหนังสือขอใช้พื้นที่อย่างเป็นทาง เมื่อปี 2534 และบางส่วนเป็นพื้นที่ที่คณะกรรมการจัดสรรที่ดินแห่งชาติได้กันไว้เป็นพื้นที่ทดแทนพื้นที่ต้นน้ำ ที่ดินบริเวณดังกล่าวจึงไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ ต่อมานายบุญธรรม จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของและเป็นกรรมการผู้มีอำนาจ บจก.บ้านชุมทอง และ บจก.เขาใหญ่ฯ ที่ประกอบธุรกิจจัดสรรทิ่ดินและค้าขายที่ดิน มีความประสงค์จะนำที่ดินบริเวณดังกล่าว มาขอออกโฉนดที่ดินเพื่อจัดสรรขายให้ผู้ที่ต้องการซื้อที่ดินไปปลูกบ้านพักตากอากาศในราคาสูงทำกำไรได้มาก ซึ่งนายบุญธรรม จำเลย ได้ร่วมมือกับนายเสฏฐวุฒิ หรือตั๊ก เพ็งดิษฐ์ จำเลยคดีหมายเลขดำ อ.1666/2558 ที่เป็นนายหน้าค้าที่ดิน ให้ไปดำเนินการขอ ออกโฉนดที่ดินบริเวณดังกล่าว เนื้อที่หลายร้อยไร่ โดยนายบุญธรรม จำเลย ได้พูดกับนายเสฏฐวุฒิ โดยมีถ้อยคำบางตอนที่อ้างว่า มีความสนิทสนมกับ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีต รอง ผบช.ก.และ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีต ผบช.ก. ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าของอดีตหม่อมศรีรัศมิ์ หากนายเสฏฐวุฒิ มีปัญหาหรืออุปสรรคขั้นตอนใดๆ ในการขอออกโฉนดที่ดิน ก็ให้มาบอกกล่าวกับ นายบุญธรรม จำเลย ได้ทันที ซึ่งถ้อยคำนั้นเป็นการแอบอ้าง จาบจ้วง ล่วงเกิน ที่จะทำให้เกิดความเสียหายต่อองค์รัชทายาท และต่อมายังได้พูดแอบอ้างกับ นายเสฏฐวุฒิ อีกโดยมีเจตนาชัดเจนที่ต้องการแอบอ้างรัชทายาท เพื่อให้ตนเองสมประโยชน์ เหตุเกิดที่ ต.ขนงพระ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
โดยวันนี้ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้ควบคุมตัว นายบุญธรรม หรือป๋าชื่น มาจากเรือนจำ เพื่อร่วมกระบวนพิจารณา ซึ่งมีภรรยา บุตร และญาติสนิท มาให้กำลังใจด้วย
ขณะที่ศาลได้อ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังแล้ว นายบุญธรรม ยืนกรานให้การปฏิเสธตามเอกสารคำให้การที่ยื่นต่อศาลวันนี้ ระบุว่าจำเลยไม่ได้กระทำการแอบอ้างดังกล่าว ซึ่งทนายความจำเลยได้แถลงต่อศาล ขอนำพยานเข้าสืบต่อสู้คดี จำนวน 6 ปาก ส่วนอัยการโจทก์ แถลงขอนำพยานเข้าสืบ จำนวน 12 ปาก อาทิ ผู้กล่าวหาคดีนี้ พนักงานสอบสวน พร้อมยื่นเอกสารรวม 37 ฉบับ และแผ่นดีวีดี บันทึกเกี่ยวกบับข้อมูลข่าวเรื่องที่ดินทับซ้อนดังกล่าว
ศาลพิจารณาแล้วจึงอนุญาตให้อัยการโจทก์และจำเลย นำสืบพยานตามที่แถลง โดยให้อัยการโจทก์ ใช้เวลานำสืบรวม 3 นัด ส่วนจำเลย ใช้เวลานำสืบ 1 นัด กำหนดนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกวันที่ 16 ก.พ.2559 เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายเสฏฐวุฒิ หรือตั๊ก เพ็งดิษฐ์ อายุ 52 ปี อาชีพนายหน้าค้าที่ดิน ซึ่งเป็นน้องชายนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นั้นอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ได้ยื่นฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานเดียวกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ต่อศาลอาญา โดยนายเสฏฐวุฒิให้การรับสารภาพ ศาลจึงมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 14 พ.ค.2558 ว่า กระทำผิดจริง ตาม ม. 112 ให้จำคุก 5 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษกึ่งหนึ่ง จึงจำคุก 2 ปี 6 เดือน
ขอบคุณข่าวจาก