- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- “จักรทิพย์” ไม่เชื่อมือระเบิดเป็นคนไทย
“จักรทิพย์” ไม่เชื่อมือระเบิดเป็นคนไทย
“ประวุฒิ” นัดประชุมผู้บริหารห้างใหญ่ใน กทม. แนะวิธีรักษาความปลอดภัย แฉคนร้ายโทรศัพท์ติดต่อกันทางอินเตอร์เน็ต ไม่ใช่ระบบโทรศัพท์ปกติ ด้าน ผบ.ตร.วอนอย่ารีบโยงกลุ่มก่อการร้าย หวั่นชักศึกเข้าบ้าน “จักรทิพย์” ไม่เชื่อมือระเบิดเป็นคนไทย มีกลุ่มต่างชาติเป้าหมายแล้ว
เมื่อวันที่ 27 ส.ค. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พร้อมด้วย พ.ต.อ.จารุต ศรุตยาพร ผกก.สน.ปทุมวัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ปทุมวัน เดินทางไปตรวจสอบระบบการรักษาความปลอดภัยซีซีทีวี (cctv) ของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ แยกราชประสงค์ เพื่อให้คำแนะนำและเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ร่วมกับเจ้าหน้าที่ของห้างสรรพสินค้า รวมถึงการติดกล้องให้มีความคมชัดมากยิ่งขึ้น
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า วันนี้นัดหมายกับทางห้างเซ็นทรัลเวิลด์ช่วยกันพัฒนาให้บริเวณห้างสรรพสินค้าปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้จะเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างจำนวน 400-500 คน เข้าอบรมเกี่ยวกับการรับมือในสถานการณ์ต่างๆวันที่ 3 ก.ย.นี้ ส่วนเรื่องภาพวงจรปิดนำเสนอว่า ให้ติดกล้องให้มีระยะความถี่และต่อเนื่อง โดยเฉพาะจุดทางเดิน สกายวอล์ก และในจุดทางเข้าออกห้างสรรพสินค้า เน้นให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดระดับสายตาให้มากขึ้น ทั้งนี้ วันที่ 1 ก.ย. จะเรียกประชุม ผู้บริหารห้างดังต่างๆในพื้นที่ กทม.เข้าประชุม เพื่อชี้แนะการใช้กล้องวงจรปิดร่วมกับอุปกรณ์ไบโอแมทริค ที่สำนักนายกรัฐมนตรีเตรียมไว้ให้ใช้ตรวจยืนยันตัวบุคคลที่เข้า-ออก เพื่อให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
@คนร้ายใช้โทร.ติดต่อทางอินเตอร์
ผู้ช่วย ผบ.ตร.กล่าวต่อไปว่า ส่วนของความคืบหน้าคดีระเบิดผลดีเอ็นเอจากการตรวจสอบธนบัตรและจากการตรวจรถแท็กซี่ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานส่งผลตรวจมาให้แล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากจะเสียรูปคดี และเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบกล้องวงจรปิดย้อนหลังไปอีก 1 เดือน เพื่อหาว่ามีบุคคลต้องสงสัยเข้ามาในพื้นที่ก่อนเกิดเหตุหรือไม่ สำหรับการหาสัญญาณโทรศัพท์ของผู้ต้องสงสัยทั้งที่ท่าเรือสาทรและแยกราชประสงค์ ยังไม่พบความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกัน คาดว่าคนร้ายอาจจะใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตในการติดต่อสื่อสาร ทั้งนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่
@“สมยศ” เกรงชักศึกเข้าบ้าน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวว่า จากเหตุการณ์ระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังทุกเรื่องแล้วนำไปวิเคราะห์ ที่ผ่านมาดำเนินการอย่างเต็มที่สุดความสามารถ และทำมากกว่าที่เป็นข่าวหลายสิบเท่าเพียงแต่ไม่ออกมาชี้แจง เพราะบางเรื่องไม่สามารถชี้แจงได้ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการในทุกๆมิติ ตราบใดที่ยังไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนว่า ใครเป็นใคร กลุ่มใด เราจึงยังบอกอะไรไม่ได้ จนกว่าจะมีพยานหลักฐานบ่งบอกได้ว่า เกิดจากเรื่องอะไร ทุกประเด็นยังมีความเป็นไปได้ทุกเรื่อง อยากขอร้องว่าอย่ารีบด่วนสรุป ใครจะสรุปว่าอย่างไรสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่สรุป เพราะการรีบสรุปอาจส่งผลกระทบกับบุคคล หน่วยงาน องค์กร สถาบันหรือแม้แต่ความสัมพันธ์ระดับประเทศ และยังอาจส่งผลให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะการสรุปสาเหตุจะยิ่งสร้างปัญหามากกว่าสร้างความเชื่อมั่น ถ้าสรุปผิดไปสรุปเอาคนที่ไม่ได้ทำเขาก็ต้องโกรธ อาจเป็นการชักศึกเข้าบ้าน ใครรายงานก็เป็นเรื่องของเขา แต่ตนไม่ยืนยันหน่วยความมั่นคงของชาติก็ไม่ยืนยัน
@บางเรื่องเปิดเผยต่อสาธารณชนไม่ได้
พล.ต.อ.สมยศกล่าวต่อว่า การตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ มีการตรวจสอบเป็นหมื่นเบอร์ คัดกรองด้วยวิธีการความน่าจะเป็นจากหมื่นเบอร์ให้เหลือพันเบอร์ จากพันเบอร์ให้เหลือร้อยเบอร์ จนเหลือแค่ 1 หรือ 2 เบอร์ เป็นวิธีการ ต้องเรียนตามตรงว่า ในปัจจุบันสื่อมวลชนมีเยอะและมีการแข่งขันกันทำธุรกิจ ใครเสนอข่าวก่อนได้เปรียบ บางครั้งไม่เป็นข่าวก็สร้างเรื่องให้เป็นข่าว เพราะต้องการเป็นคนเดียวที่ได้ข่าว บางครั้งถ้าเรื่องนั้นไม่เป็นความจริงจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อรูปคดี ทำให้เกิดความผิดพลาด ทำให้เรื่องราวสับสน บางครั้งตำรวจทำงานอาจจะช้า อาจจะเสียเวลา เพราะต้องใช้เหตุผลและพยานหลักฐานหลายอย่างมาประกอบ ตนไม่เชื่อพยานที่ออกมาจ้อยๆ ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบไปมากกว่าที่เป็นข่าว แต่ตนยังไม่อยากพูด เพราะเมื่อพูดไปแล้วมันจะกระทบกระเทือน เหมือนเราไปหาเรื่อง ขอให้ใจเย็นๆ
@แก้ข่าวต่างประเทศลำบาก
“การรีบออกมาบอกข่าวหากเกิดความผิดพลาด ถ้าเป็นในประเทศยังไม่เป็นไร ยังมีผม พล.ต.อ.จักรทิพย์ พล.ต.ท.ประวุฒิ ออกมายืนให้สัมภาษณ์แก้ข่าวได้ แต่เวลาข่าวออกไปต่างประเทศแล้วมันแก้ไม่ได้ ผมไม่เชื่อว่าสำนักข่าวต่างประเทศเขาจะมารักประเทศไทย แล้วจะแก้ข่าวให้ประเทศไทย เขาจะมาห่วงประเทศไทยทำไม เสนอแล้วก็เสนอเลย เจ๊งมึงก็เจ๊ง มึงไม่ใช่เจ๊งกู ใจเย็นๆ วันหนึ่งพยานพูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอีกอย่าง แต่ยืนยันว่า คดีมีความคืบหน้าไปมาก แต่ยังบอกไม่ได้ว่าคืบหน้าไปแค่ไหนเท่านั้นเอง ผมจะยังไม่กำหนดอะไรทั้งสิ้นจนกว่าจะมีหลักฐานยืนยัน” ผบ.ตร.กล่าว
@“จักรทิพย์” เผยมีกลุ่มระเบิดในใจ
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ทุกประเด็นยังดำเนินการอยู่ ตนไม่เชื่อว่าคนไทยจะทำขนาดนี้ เนื่องจากเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นโหดร้ายเกินกว่าหัวใจของคนไทยจะทำกับคนไทยด้วยกัน แต่การสืบสวนยังไม่ให้น้ำหนักว่าเป็นกลุ่มใด ยอมรับว่า มีกลุ่มบุคคลชาวต่างชาติบางกลุ่ม ซึ่งตำรวจมองว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ที่ผ่านมาการสอบสวนยังไม่พบพยานหลักฐานที่สามารถเชื่อมโยงกันได้ว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุ ปัญหาขณะนี้คือ การนำเสนอข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อมวลชนมีลักษณะชี้นำการสืบสวนสอบสวน บางข้อมูลที่สื่อนำเสนอไปไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่ตำรวจมีอยู่ แต่ยอมรับว่า มีกลุ่มที่อยู่ในใจ พอจะอนุมานได้ ข้อมูลพื้นฐานบนกระดานนักสืบมีอยู่แล้วแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ รอพยานหลักฐานให้เพียงพอเท่านั้น ส่วนคดีระเบิดท่าเรือสาทรตำรวจยังไม่มั่นใจว่า ผู้ก่อเหตุนำระเบิดไปทิ้งเพื่อทำลายหลักฐานหรือจงใจก่อเหตุ ทั้ง 2 คดียังไม่ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุหลบหนีออกไปนอกประเทศหรือไม่
ขอขอบคุณข่าวจาก