- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- 'บิ๊กตู่ ’เผยสั่งร่างระเบียบกองทุนสสส.ใหม่
'บิ๊กตู่ ’เผยสั่งร่างระเบียบกองทุนสสส.ใหม่
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 13 ต.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงผลสรุปการตรวจสอบการใช้งบประมาณของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่พบว่าไม่ตรงวัตถุประสงค์หลายโครงการ ว่า ตนได้ให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ไปตรวจทุกเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้งบประมาณทุกกองทุน จะได้ไม่ถูกกล่าวอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมอะไรต่างๆ แต่เมื่อเขาไปตรวจและเสนอมา ซึ่งไม่ได้ชี้ว่าผิดหรือถูกเพราะข้อกฎหมายที่เขียนไว้เดิม หรือระเบียบแต่ละอันของกองทุนต่างๆ เขียนไม่ชัดเจน ส่งผลให้การพิจารณากว้างขวางเกิน ไม่ได้ตีกรอบว่าต้องทำแค่ไหน ทำสิ่งที่เป็นปัจจัยภายนอก
“สมมติว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ มีอะไรบ้างในระยะใกล้ๆ แต่นี่ไปถึงโน่น แล้วผูกโยงมาสุขภาพ มันไกลเกินไปหรือเปล่าที่เอาเงินไปใช้อย่างนั้น ซึ่งมันอาจจะไม่ผิดก็ได้ เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาอยู่ ถ้าไม่ผิดยังไม่ชัดเจน มันจะหมายความว่ายกประโยชน์ให้จำเลยหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ เป็นเรื่องของทางกฎหมาย เพียงแต่ให้ไปร่างระเบียบทบทวนใหม่เพราะกองทุนเหล่านี้มันหยุดไม่ได้ ประชาชนเดือดร้อน ประชาชนต้องได้รับผลประโยชน์ตรงนี้ วันนี้เพียงแต่ทำให้มันถูกต้องแต่ในเชิงบริหารของคนบริหาร ที่ทำให้เกิดเรื่องที่ผ่านมาก็ต้องมีมาตรการในการที่จะลงโทษปรับเปลี่ยน ในทางการปกครอง ผู้บังคับบัญชา ถ้าทำงานไม่ได้ผลมันก็ต้องปรับย้าย ปรับออก อะไรทำนองนี้ ถ้ามันเจอสิ่งที่ผิดตามกฎหมายมีผลประโยชน์อะไร ก็ไปฟ้องร้องเอา โดยส่งศาล แต่ผมและคตร.ไม่ใช่คนตัดสิน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้คตร.ไปตรวจหาข้อเท็จจริง จะจริงไม่จริงอย่างไร ทั้งหมดถ้าผิดก็ส่งศาลกระบวนการยุติธรรม ป.ป.ช. นู่น ไม่ใช่ทำเอง ที่ผ่านมาคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ก็ทำอย่างนี้ ไปหาข้อมูลมาและส่งฟ้อง อันนี้จะรับได้หรือไม่ตนไม่รู้ แต่ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากผลตรวจของคตร.มีหลายโครงการหรือไม่ที่ใช้งบไม่ตรงวัตถุประสงค์ นายกฯ กล่าวว่า จำไม่ได้ เดี๋ยวต้องไปถามดู
เลื่อนลง3จังหวัดแดนใต้รมต.ไม่พร้อม
พล.อ.ประยุทธ์ ล่าวถึงการเลื่อนกำหนดการเดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ศุกร์ที่ 16 ต.ค.นี้ว่า เนื่องจากรัฐมนตรีที่ต้องร่วมคณะที่จะลงพื้นที่ติดราชการบางคนไปต่างจังหวัดและต่างประเทศ เพราะการลงพื้นที่ต้องรวบรวมข้อมูลกันใหม่และต้องพารัฐมนตรีหลายคนลงไปเพื่อตอบปัญหาชาวบ้าน ส่วนกระแสข่าวที่จะไม่เดินทางลงพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี ขณะที่ตัวแทนชาวสวนยางมีความประสงค์ที่จะพบหารือปัญหากับนายกฯนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มาเจอที่กรุงเทพฯก็ได้ ไปตรงไหนก็คุยตรงนั้น
ยันไม่ใช้ม.44ดำเนินการทุจริตจำนำข้าว
พล.อ.ประยุทธ์ แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ที่ประชุม ครม.วันนี้ได้มีการพิจารณาประเด็นสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือเรื่อง คดีความต่างๆ ซึ่งมีทั้งที่รัฐบาลตกเป็นจำเลยกับบริษัทต่างๆที่มีการฟ้องร้องรัฐบาลมา 10 กว่าปี หลายรัฐบาลมาแล้ว ขณะนี้เริ่มจะส่งผล ซึ่งรัฐบาลพยายามแก้มาโดยตลอด ซึ่งย้ำอีกครั้งว่าตนไม่ได้เป็นคนทำให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นมา แต่กำลังพยายามแก้ว่าจะทำอย่างไรให้ลดความเสียหายลง ทั้งเรื่องดอนเมืองโทลเวย์ การทางพิเศษฯ คลื่นความถี่ต่างๆ และมีเรื่องต่างประเทศด้วย มีการฟ้องรัฐบาลทั้งสิ้น แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ได้เกิดในรัฐบาลของตน ซึ่งมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก วันนี้เราต้องหาทางออกให้ได้
“ที่สำคัญมีคดีที่รัฐบาลนี้จำเป็นต้องดำเนินการ ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีได้พูดไปแล้วเกี่ยวกับคดีรับจำนำข้าว ซึ่งไม่ได้พูดว่าระดับผู้บริหารจะผิดหรือถูกยังไม่รู้ จะต้องไปพิสูจน์กันต่อไป แต่สิ่งที่เราปล่อยไม่ได้ คือมันมีกฎหมายที่เกี่ยวกับการละเว้น การกระทำต่างๆ ซึ่งระยะเวลามีจำกัดภายใน 2 ปี จึงเป็นหน้าที่ของผมในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็ต้องส่งเรื่องไปเท่านั้นเอง คือมีมาตรการทางการปกครองเรียกร้องความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งกฎหมายมีอยู่แล้ว ไม่ใช่บัญญัติกฎหมายใหม่ขึ้นมา และไม่ได้ใช้รัฐธรรมนูญ มาตรา 44 เพราะคดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นและเกี่ยวข้องกับนักการเมืองจะเข้าสู่ศาลปกครองทั้งสิ้น ตอนแรกผมเองก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อทบทวนแล้ว เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องทางด้านปกครอง ผมก็อยู่ในตำแหน่งตรงนี้ถ้าอยู่ในภาวะรัฐบาลปกติก็จะไปฟ้องกับศาลปกครอง ซึ่งก่อนจะฟ้องไปยังศาลปกครองก็จะมีกฎหมายอยู่ตัวหนึ่งที่บัญญัติว่าผู้รับผิดชอบในปัจจุบันจะต้องดำเนินการต่อการกระทำผิด เสร็จแล้วก็อาจจะมีการไปฟ้องศาลปกครองสู้กันไปมา อาจจะใช้เวลายาวนานก็แล้วแต่ เพราะการเรียกร้องค่าเสียหายใช้เวลาเป็น 10 ปี ผมจึงบอกว่าจะพยายามไม่ใช้กฎหมายพิเศษ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาทับซ้อนไปเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องแก้ปัญหาให้ได้ โดยต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง เพราะผูกพันเกี่ยวกับเรื่องผลผลิตทางการเกษตรด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในส่วนของคดีโครงการรับจำนำข้าวนั้นอยากให้ทุกคนไปดูในข้อกฎหมาย ยืนยันว่าจะไม่มีการใช้กฎหมายพิเศษ อย่าลืมว่ากฎหมายมีหลายอย่าง ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีก็มี มาตรการทางการปกครองกับเจ้าหน้าที่ในการกระทำความผิด ขั้นตอนที่ 1 มันต้องทำเพราะเป็นกฎหมาย มาตั้งแต่สมัยนายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งกฎหมายยังคงมีอยู่จะละเว้นไม่ได้ รวมทั้งเรื่องการเรียกค่าเสียหายต่างๆ แต่ถ้าเรียกไปแล้วไม่จ่าย ไม่ยอมรับก็ไปฟ้องศาลปกครองต่อ แต่วันนี้เราต้องทำตรงนี้เพราะจะปล่อยเวลาให้เกิน 2 ปีไม่ได้ ปัญหาการรับจำนำข้าวมีมาตั้งแต่ปี 55/56 และ 56/57 เดี๋ยวมันจะหมดอายุ แล้วในวันข้างหน้าตนก็จะโดนอีกว่าทำไมไม่ทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าสิ่งที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีนั้นมีวัตถุประสงค์อะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็เป็นเรื่องของท่าน แต่ท่านคงไม่ได้เป็นคนเขียนเอง คงเป็นคำแนะนำจากฝ่ายทนายความ ซึ่งท่านก็ต้องฟังฝ่ายกฎหมายของท่านซึ่งเขาก็เข้าใจและตีความไปแบบนั้น กฎหมายฉบับเดียวอย่าคิดว่าจะตีความแบบเดียวกันถึงได้มีการต่อสู้ มีทนาย มีศาลในการตัดสิน ยิ่งเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ รัฐบาลและฝ่ายค้านก็มักจะตีความต่างกัน ทำให้ทะเลาะกันแบบนี้”นายกรัฐมนตรีกล่าว
เมื่อถามว่า จดหมายเปิดผนึกดังกล่าวมีการตีความว่าการใช้มาตรการทางการปกครองจะต้องบังคับใช้กับผู้ใต้บังคับบัญชา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กฎหมายเขียนไว้ชัดเจน ในช่วงแรกนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 เรื่อง คือ 1.การทุจริตการจำนำข้าว 2. การดำเนินการซื้อขายในลักษณะรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี ซึ่งกระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบ แต่ตนในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาลก็ต้องเป็นคนเสนอเรื่องร่วมกับรมว.คลังในเรื่องหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องตนกับรมว.พาณิชย์ก็ต้องเป็นผู้เสนอเรื่องตามกฎหมาย ในการจะเรียกร้องค่าเสียหาย
“แต่ถ้าเขาไม่จ่าย ตนก็ไม่มีอำนาจไปทำอะไร และผู้ถูกกล่าวหาก็ต้องไปฟ้องศาลกลับมาอยู่แล้วก็ต้องไปสู้กันในชั้นศาลปกครอง ซึ่งก็จะมีศาลปกครองชั้นต้น ชั้นสูงสุด ส่วนจะจ่ายหรือไม่จ่าย ตนก็ไม่รู้”
เมื่อถามว่า มองเจตนาของนางสาวยิ่งลักษณ์ในการเขียนจดหมายเปิดผนึกอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อก็ไปคิดเอาเอง ไม่ต้องมาถามตน เพราะตนไม่ได้เป็นคนเขียน ซึ่งอาจจะเป็นฝ่ายกฎหมายของอดีตนายกรัฐมนตรีที่เขียนขึ้นมาเพื่อให้สื่อได้มาถามตนแทน ซึ่งคนเป็นทนายความก็ต้องรู้ว่ากฎหมายที่มีอยู่ว่าอย่างไร ในเมื่อมันเป็นอำนาจหรือไม่เคยเสนอให้รัฐบาลที่แล้วรู้ว่ามันมีอะไรอยู่บ้างก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้มันมีหลายอย่างประกอบกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรีได้ลงนามสรุปยอดเงินที่เป็นเงินค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้สรุป เพราะยังไม่ได้ข้อยุติอะไรเลย จะต้องมีการสำรวจให้ได้ข้อชัดเจนให้มากขึ้น ก็ต้องตีเส้นว่าวันสุดท้ายที่จะส่งเรื่องโดยที่ยังไม่เกินกำหนดระยะเวลา และเราต้องหามาตรการที่รัดกุมในการที่จะทำสห้เกิดความชัดเจน ว่าไม่ได้เป็นการรังแกหรือกลั่นแกล้งกัน ถ้าจะฟ้องก็ต้องถึงเวลาก่อน วันนี้ต้องเคลียร์ให้ได้ก่อนว่ามีความเป็นไปเป็นมาอย่างไร ข้าวเสียหายเท่าไหร่ ความเสียหายมันเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่เรามันก็ไม่สามารถผลีผลามขายได้เพราะเป็นของกลางในคดีด้วยก็ต้องระมัดระวัง ต้องมีการขออนุมติหลักการในการที่จะขาย ราคาก็ลดลงเรื่อยๆ ก็ไม่รู้ว่ามีเจตนาอะไรที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ต้องไปหาข้อมูลกันในศาล
“เรื่องเหล่านี้มันเกี่ยวข้องในเชิงนโยบาย ส่วนจะเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไรก็ต้องไปว่ากันมาด้วยหลักฐานด้วยกฎหมาย จากที่ฟังอาจารย์วิษณุ ชี้แจงจับความได้ว่า ใครก็ตามที่เป็นหัวหน้าในนโยบายจะต้องรับผิดชอบตามที่กฎหมายเขียนไว้หากมีการเสียหาย เป็นมาตรการทางการปกครอง แต่จะรวมเรื่องทุจริตหรือเปล่าไม่รู้ จะรู้เห็นเป็นใจด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้ และมันเกิดการทุจริตขึ้นเมื่อไหร่ก็เป็นอีกคดีหนึ่ง ทั้ง 2 เรื่อง จึงแยกออกเป็นเรื่องของการขายข้าวไปยังต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในส่วนของกระทรวงการคลังก็เกี่ยวข้องกับการเก็บรักษาข้าว ผมจำเป็นต้องใช้อำนาจทางการปกครอง ซึ่งผมละเว้นไม่ได้ เมื่อผมเสนอเรื่องไปแล้ว ขั้นตอนต่อไปต้องมีคณะกรรมการที่จะต้องตัดสิน โดยชี้กลับมาที่กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ว่าจะให้ดำเนินการต่อไปเมื่อถึงตรงนั้นก็จะมีการใช้อำนาจของเขา ในการเรียกร้องชดใช้ค่าเสียหาย ไม่ใช่ผม เรื่องทั้งหมดจะย้อนกลับไปที่กระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยผ่านคณะกรรมการที่มีอธิบดีกรมบัญชีกลางร่วมอยู่ด้วย”นายกรัฐมนตรีกล่าว
เมื่อถามย้ำว่า เบื้องต้นได้มีการประเมินตัวเลขค่าเสียหายเท่าไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ยังสรุปไม่ได้ เพราะวันนี้ยังมีข้าวในคลังเหลืออยู่ด้วย เพียงแต่จะสรุปในวันที่ยื่นฟ้องว่าวันนี้ค่าเสียหายมีเท่าไหร่นับจากวันที่ส่งฟ้อง วันนี้ไม่สามารถสรุปอะไรได้ เพราะข้าวในคลังทั้งหมดยังมี 18 ล้านตัน ขายไปได้เพียง 4-5 ล้านตันเพราะราคาสูงมันก็ขายไม่ได้ และวันนี้ก็มีขายใหม่เข้ามาอีก ข้าวเก่าต่างชาติก็ไม่อยากซื้อ ตรงนี้คือปัญหา ซึ่งจะถือว่าละเว้นหรือไม่ละเว้นหรือเปล่า ตนก็ตอบไม่ได้ ขณะเดียวกันก็เกิดการทุจริตในระดับปฏิบัติด้วย เป็นการทับซ้อนเข้าไปอีก ตนไม่ใช่นักกฎหมาย จึงต้องให้นักกฎหมายมาทำ แต่ตนก็ต้องระมัดระวังตัวเองด้วยว่าจะทำอย่างไรจึงจะเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ถูกกล่าวอ้างว่าไปรังแกคนอื่น จนกลายเป็นปัญหาในอนาคตอีก
ชี้ไทยจะร่วมกลุ่มTPPต้องมีแต่ข้อดี
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมครม.ได้หารือถึงการพิจารณาร่วมลงนามในความตกลงในประเทศกลุ่มความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (TPP:Trans-Pacific Strategic Economic Partnership Agreement)ว่า กำลังให้ไปศึกษารายละเอียดว่าต้องดูผลดีผลเสีย มีผลกระทบอะไรบ้าง ไม่ใช่ว่าหลายคนอยากจะให้มันเกิด หากเกิดแล้วเราเสียอะไรบ้าง ไม่ใช่เรื่องนี้ดี เรื่องนี้เสีย แต่มันต้องดีหรืออาจจะดีมากหรือดีน้อยบ้างแต่ไม่ใช่มีเสีย ต้องคิดใคร่ครวญให้ดี ถ้าภาคนี้มองทำแล้วดีแต่อีกภาคมองไม่ดีต้องมาคุยกันหาทางออกไม่ได้ ไม่ต้องรีบร้อน เพราะมีเวลาอยู่อีกตั้ง1-2ปีว่า จะร่วมไม่ร่วม ไม่ต้องรีบร้อนถ้ามันเสียหายจะเดือดร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีผลกระทบต่อประชาชนหรือเปล่า
“หลายๆภาคส่วนที่ควบคุมโดยกติกาความตกลงดังกล่าวเราก็ทำอะไรไม่ได้ แล้วเราก็ถูกบังคับด้วยพันธสัญญาที่มีเยอะแยะไปหมดกับหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มรวมกันจะแข่งขันกันแล้วเราไปเข้าจะเสียหายหรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน จะทำอย่างไรจากทุกกลุ่มในการทำสัญญาโดยไม่มีข้อขัดแย้งของพวกเรากันเอง”นายกรัฐมนตรีกล่าว
แจงรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาทุกเรื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเรื่องการดำเนินการจัดระเบียบการทำประมง ว่า เมื่อรัฐบาลดำเนินการก็มีคนเดือดร้อน โดยเฉพาะคนจน และผู้ประกอบการซึ่งวันนี้ก็มีมาตรการเสริม ว่าจะดูแลเรื่องประมงที่ถูกฎหมายกันอย่างไร ซึ่งเราพยายามดูทั้งสองส่วน ทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย โดยแยกกันดูแลว่าจะดูแลได้แค่ไหน ถ้าเอามารวมกันก็แก้ไม่ได้ซักอันซึ่งเรื่องนี้ต้องใช้เงิน รวมถึงต้องแก้ปัญหาเรื่องข้าว ยางพารา ปาล์ม มันสำปะหลัง สับปะรด อ้อย เหล่านี้คือปัญหาของบ้านเราทั้งสิ้นจะทำอย่างไรให้เกิดความยั่งยืนก็ต้องย้อนกลับไปเรื่องเกษตรโซนนิ่ง ย้อนกลับไปที่การตลาด ย้อนกลับไปที่ข้อมูลเกษตรกรผู้มีรายได้น้อย ถ้ายังทำแบบเดิมไม่พอ รัฐบาลต้องใช้เงินลงทุนเพื่ออนาคต ที่ผ่านมาก็ไม่ทำไว้ ถึงต้องทำรถไฟเส้นทางใหม่ เพื่อรองรับการอุตสาหกรรมใหม่ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละภูมิภาค เพื่อลดคนที่จะเข้ามาส่วนกลาง เข้ามาในจังหวัดใหญ่ๆ โดยเราต้องผลิตแรงงานเตรียมไว้ทั้งในประเทศและส่งออกต่างประเทศ ซึ่งในวันนี้ต่างประเทศขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะแรงงานก่อสร้างที่ตนไม่อยากให้มีการโกง การเรียกเก็บผลประโยชน์ โดยตนได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานไปทำให้ชัดเจนว่าประเทศไหนต้องการอะไร จะต้องผ่านช่องทางการติดต่อระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล จะต้องไม่ทิ้งคนงาน รวมถึงจะไปดูในเรื่องของพี่เลี้ยงเด็ก แม่บ้าน ดูแลผู้สูงอายุ ลูกจ้างร้านอาหาร แม่ครัว-พ่อครัว ซึ่งได้สั่งการกระทรวงการต่างประเทศไปหาข้อมูลมาแล้ว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ช่องทางของประเทศทางตะวันออกกลาง ก็เริ่มจะมีความร่วมมือมากขึ้น ถึงแม้จะหยุดไปหลายปี มีการเริ่มพูดคุยและติดต่อกันแล้ว บางประเทศก็ส่งอุปทูตมาแล้ว อย่างทูตของสหรัฐอเมริกาก็มาขอพบ ซึ่งตนกำลังหาเวลาพูดคุยกับท่าน ถ้าทำทุกอย่างให้เป็นปกติ มันก็ปกติ มันต้องพูดคุยกันอยู่แล้ว ถ้าเราขัดแย้งกันไปเรื่อยๆ ก็พูดคุยกันไม่ได้ เพราะต่างคนต่างระวังก็เลยไม่ก้าวหน้าซักที ตนคาดหวังว่าวันนี้จะดีขึ้น ตนก็ยืนยันว่า ก.ค. 2560 จะดีขึ้น ซึ่งเราไปคุยกับทุกประเทศให้ฟังว่าปัญหาเราเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง เพราะบางทีเขาฟังมาข้างเดียว ตนก็ไม่โทษใคร แต่อยากจะเล่าให้ฟัง ให้เขาสอบถามทุกประเด็นที่เขาสงสัย ตนพูดกับทุกประเทศแล้ว ก็เล่าให้เขาฟัง เขาก็เข้าใจและไม่มากดดันเรามากขึ้น มันอยู่ที่เรากันเองจะทำให้เขากดดันหรือไม่
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องการเกษตร กำลังแก้ปัญหาพืชการเกษตรทั้งหมด และสร้างความเข้มแข็งในชุมชน สร้างตลาดสร้างความเชื่อมโยง ขณะเดียวกันก็กำลังเร่งเรื่องรถไฟ ถนนหนทางที่จะเชื่อมต่อระเบียงเศรษฐกิจตะวันตก ตะวันออก ก็ให้เขาไปเขียนแผนที่มาดูว่ามีการโยงกันหรือยัง รวมถึงการหามาตรการช่วยเหลือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในส่วนของภาษีเพื่อประคับประคองให้เกิดการขับเคลื่อนให้ได้ เพราะจะส่งผลกระทบไปถึงเรื่องวัสดุก่อสร้างและการผ่อนบ้าน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการจัดหาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชน ข้าราชการ ทั้งตำรวจและทหาร ซึ่งเขามีสิทธิที่จะต้องมีที่พัก เพราะต้องอยู่ด้วยกันและเราเรียกใช้เขาตลอดเวลา ก็จะให้เป็นลักษณะผ่อนชำระแล้วบ้านก็เป็นของเขาเลยได้ไหม ก็ต้องสร้างเหมือนกับที่สร้างให้กับประชาชน ซึ่งกำลังหารืออยู่ เราต้องไม่ลืมใคร และต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังตนคิดแบบนี้ ทุกคนอย่าคิดว่ารัฐบาล จะดูแลแต่คนรวย คนจนไม่ดูแล แต่การดูแลคนเราต้องใช้เงินทั้งในการสร้างความเข้มแข็ง การเปลี่ยนแปลงอนาคต ก็ต้องใช้เงินให้ดี ซึ่งในวันข้างหน้าสิ่งที่เราลงทุนไปแล้วก็จะกลับมา เม็ดเงินที่ลงไปสิ่งที่สะท้อนกลับมา ก็ทำให้ประเทศดีขึ้น เศรษฐกิจเข้มแข็งขึ้น ความสามารถในการแข่งขันก็มากขึ้น วันนี้ต้องไปดูในเรื่องของภาษี จะทำอย่างไรให้เกิดการค้า การลงทุน
ชี้“คดีตำรวจถลาง”ต้องแยกแยะผิด-ถูก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการดำเนินการทางคดีเกี่ยวกับเหตุการณ์จราจลที่สภ.ถลาง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า “คดีที่ภูเก็ตต้องแยกแยะ ถ้าตำรวจผิดก็ต้องสอบตำรวจขับรถชนจริงหรือไม่ชน เพราะอะไร เกิดจากความประมาท มันเกิดอะไรขึ้น แต่เรื่องการเผาโรงพักอีกเรื่องหนึ่ง เผาสถานที่ราชการก็เหมือนเผาศาลากลางฯ ผิดไหม หรือไม่ไม่ผิดเพราะตำรวจทำผิดแล้วเลยต้องไปเผาโรงพักมันถูกไหม”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ถามไปที่ผู้สื่อข่าวคนหนึ่งว่า”ถูกไหมพูดให้ชัด” เมื่อผู้สื่อข่าวตอบกลับว่า” ไม่ถูก” พล.อ.ประยุทธ์ จึงกล่าวต่อว่า” ไม่ถูกก็คือไม่ถูก ไม่ต้องอ้อมแอ้ม ถูกคือถูก ผิดคือผิด”
เผยครม.พิจารณาปรับแก้กม.ต่างๆ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.วันนี้ได้มีการพิจารณาและรับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการในเรื่องข้อกฎหมายต่างๆ ของ สนช. บางอย่างก็ต้องมีการปรับแก้ เช่น พ.ร.บ.ต่างๆ เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้นและความมุ่งหวังของตนในการออกกฎหมายนั้น ไม่ได้ต้องการเอื้อประโยชน์ให้กับใครเลย
"คิดแต่เพียงว่าทำอย่างไรจะให้เกิดผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม ไม่ว่าจะกับใคร ไม่อยากให้สื่อไปเขียนหรือวิเคราะห์ว่าจะไปเกิดผลดีกับกลุ่มนั้น กลุ่มนี้ ยืนยันว่าตนทำให้กับคนส่วนใหญ่ทั้งประเทศ ขณะเดียวกันก็ต้องขับเคลื่อนอย่างอื่นไปด้วย ทำอย่างไรจะลดความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชนก็ขอให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมาย ทุกอย่างรัฐบาลก็แก้ไขให้“พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
“อย่างตำรวจเอง เขาก็แก้ไขให้แล้ว เช่น การยกเลิกด่านตรวจต่างๆ แต่ไม่ใช่ว่าทุกอย่างผิด เพราะการตั้งด่านตรวจ เราต้องดูว่าเมื่อตั้งด่านแล้วมันมีคนทำผิดหรือเปล่า เมื่อมีการประพฤติผิด เขาจึงเรียกผลประโยชน์ เราต้องมองทั้งสองด้าน ไม่ใช่มองแค่ด้านใดด้านหนึ่ง เห็นบางคนออกมาพูดสร้างความเข้าใจที่ไม่ตรงกัน สังคมก็จะเดือดร้อน เจ้าหน้าก็จะหมดแรงในการทำงาน ไม่อยากทำ วันนี้เราจึงต้องหาความร่วมมือให้เกิดขึ้นให้ได้ ระหว่างรัฐกับประชาชน”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เผยวธ.เตรียมทำหนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมครม. กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดทำเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทยเป็นเล่มฉบับย่อมาให้ตนดู ซึ่งตนได้สั่งกลับไปขอให้ทำเป็นร้อยกรองหรือพิมพ์เป็นบทสรุป เพื่อให้เด็กเข้าใจง่าย ว่าประเทศไทยมีกี่ยุค กี่สมัย บรรพบุรุษสร้างอะไรไว้ให้เราไว้บ้าง ทั้งในเรื่องของภาษาไทย ระบบการดูแลราษฎรสมัยพ่อขุนรามคำแหง สมัยอยุธยา สมัยกรุงธนบุรี สมัยรัตนโกสินทร์ ถึงช่วงนั้นเป็นระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช แต่สถาบันกษัตริย์ท่านก็ได้เตรียมประเทศมาอย่างไร ทุกรัชกาลจนมาถึงรัชกาลที่ 7 ถึงไม่มีช่วงพ.ศ. 2475 ท่านก็เตรียมสร้างจำลองเรื่องการปกครองระบอบประชาธิปไตยไว้อยู่แล้ว แต่เผอิญมีเหตุการณ์ 2475 ท่านก็ให้ ต่อมาท่านก็พระราชทานอำนาจทั้งหมดให้กับรัฐบาลทุกรัฐบาล ฉะนั้นทุกรัฐบาลต้องบริหารประเทศด้วยความบริสุทธิ์ใจ มีธรรมาภิบาล