- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- มติครม.รับทราบปม'สปน.' ค้านคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ กรณี รัฐ-ไอทีวี
มติครม.รับทราบปม'สปน.' ค้านคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ กรณี รัฐ-ไอทีวี
มติครม. รับทราบ ปม "สปน." ค้าน คำชี้ขาด "อนุญาโตตุลาการ รัฐ-ไอทีวี ไม่ต้องชำระหนี้ต่อกัน จ่อ ร้องศาลปกครองกลางเพิกถอนคำชี้ขาดดังกล่าว
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ที่ประชุมครม. ที่ประชุมครม. วันนี้ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้เสนอให้ครม. รับทราบรายงานผลความคืบหน้าในการดำเนินการตามข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 46/2550 ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ 1/2559 ระหว่างสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) กับ บริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก ที่ประชุมครม.มีมติรับทราบข้อพิพาทดังกล่าวเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2558 ซึ่งมีข้อพิพาทสัญญาเข้าร่วมงานและดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ระบบยู เอส เอฟ ฉบับลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2538 โดยคณะอนุญาโตตุลาการตามข้อพิพาทดังกล่าวได้กำหนดประเด็นข้อพิพาทรวม 6 ประเด็น โดยมีบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เรียกร้อง และสปน. เป็นผู้คัดค้านและยื่นข้อเรียกร้องแย้ง ซึ่งได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว และมีคำชี้ขาดใน 6 ประเด็น เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2559
รายงานระบุว่า ในคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ 6 ประเด็น มีดังนี้ ประเด็นที่ 1 ที่ว่า คณะอนุญาโตตุลาการมีอำนาจวินิจฉัยขาดข้อพิพาทตามคำเสนอข้อพิพาทนี้หรือไม่ คณะอนุญาโตตุลาการชี้ขาดว่า มีอำนาจ ประเด็นที่ 2 คำเสนอข้อพิพาทในเรื่องสิทธิเรียกร้องค่าผลประโยชน์ตอบแทนส่วนต่างหรือตอบแทนรายปี และค่าปรับพร้อมดอกเบี้ยเคลือบคลุมหรือไม่ อนุญาโตตุลาการชี้ขาดว่า ไม่เคลือบคลุม ประเด็นที่ 3 คำเสนอข้อพิพาทนี้ซ้อนกับคำเสนอข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 1/2550 หรือไม่ อนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดว่า ไม่ซ้อน ขณะที่ประเด็นที่ 4 ค่าปรับและดอกเบี้ยขาดอายุความหรือไม่ อนุญาโตตุลาการ มีคำชี้ขาดว่า ไม่ขาดอายุความ ประเด็นที่ 5 ผู้คัดค้านผิดสัญญาด้วยการยกเลิกสัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมายกับใช้สิทธิไม่สุจริต และไม่ให้ผู้เรียกร้องดำเนินการสถานีวิทยุโทรทัศน์ตามสัญญา เป็นเหตุให้ผู้เรียกร้องเสียหายหรือไม่เพียงใด และผู้คัดค้านต้องปฏิบัติตามคำขอของผู้เรียกร้องหรือไม่ เพียงใด อนุญาโตตุลาการมีคำชี้ขาดในประเด็นนี้ว่า ผู้คัดค้านผิดสัญญาด้วยการบอกเลิกสัญญาไม่ชอบด้วยกฎหมาย และใช้สิทธิเรียกร้องไม่สุจริต เป็นเหตุให้ผู้เรียกร้องได้รับความเสียหาย โดยประธานอนุญาโตตุลาการกำหนดค่าเสียหายให้กับผู้เรียกร้อง เป็นเงิน 2,890,345,205 บาท และประเด็นที่ 6 ผู้เรียกร้องต้องชำระเงินและปฏิบัติชำระหนี้แก่ผู้คัดค้านตามคำขอในข้อเรียกร้องแย้งหรือไม่ เพียงใดนั้น อนุญาโตตุลาการ มีคำชี้ขาดไว้ว่า ผู้คัดค้านไม่อาจเรียกค่าปรับ แต่ผู้เรียกร้องต้องชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนส่วนต่างที่ตกค้างชำระพร้อมดอกเบี้ย เป็นเงิน 2,890,345,205 บาท ให้แก่ผู้คัดค้าน
“โดยสรุปแล้ว เมื่ออนุญาโตตุลาการได้วินิจฉัยว่าผู้เรียกร้องและผู้คัดค้านต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่จะต้องชำระให้แก่กันเป็นเงิน 2,890,345,205 บาท เท่ากัน สามารถนำมาหักกลบลบกันแล้วต่างไม่ต้องชำระหนี้ต่อกัน”
รายงานข่าวแจ้งว่า แต่สปน. พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อพิพาทดังกล่าวเนื่องมาจากสัญญาสัมปทานและมีจำนวนทุนทรัพย์พิพาทกันสูงมาก ประกอบกับอนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาดแล้ว สปน. กระทรวงการคลัง และสำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) มีความเห็นสอดคล้องกันว่า คำชี้ขาดในประเด็นข้อพิพาทประเด็นที่ 1 , 3 , 5 , 6 ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งสปน. อยู่ระหว่างการแจ้งเรื่องให้อสส. ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางเพื่อขอให้เพิกถอนคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการดังกล่าว จึงเห็นสมควรรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้ครม.ทราบ
แหล่งข่าวจากสปน. กล่าวเพิ่มเติมว่า แต่เดิมสปน. ได้เรียกร้องให้ไอทีวีชำระจ่ายค่าปรับ และค่าสัมปทานค้างจ่าย รวมประมาณ 1 แสนล้านบาท แต่คณะอนุญาโตตุลาการได้ใช้วิธีคิดคำนวณอีกแบบ ทำให้ตัวเลขออกมาเท่าจำนวนดังกล่าว ซึ่งเสมือนเป็นการเจ๊ากัน โดยสปน.ไม่เห็นด้วย จึงเสนอให้ครม.พิจารณา โดยหลังจากนี้ทางสปน.จะหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลปกครองต่อไป
ขอขอบคุณข่าวจาก