- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- คลังจัดแพ็กเกจ แก้หนี้นอกระบบ ครม.ปรับวงเงินกู้
คลังจัดแพ็กเกจ แก้หนี้นอกระบบ ครม.ปรับวงเงินกู้
คลังเร่งศึกษาแพ็กเกจแก้หนี้นอกระบบแบบบูรณาการ ครม. ไฟเขียวงบกลาง 2.02 พันล้านบาท จ่ายค่างวดสมาชิก AIIB พร้อมเห็นชอบแผนบริหารหนี้ปีงบ 59 ครั้งที่ 2 ลดลง 6.81 หมื่นล้านบาท
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการจัดทำแพ็กเกจแก้ปัญหาหนี้นอกระบบแบบบูรณาการ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบทั้งหมด ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยดำเนินการในลักษณะนี้มาแล้ว 2-3 ครั้ง ก็ช่วยแก้ปัญหาได้ดี แต่พอผ่านไป 1-2 ปี ประชาชนก็กลับไปเป็นหนี้นอกระบบอีกครั้ง ดังนั้นในครั้งนี้มาตรการที่จะออกมาตรการแบบบูรณาการ จะเข้าไปทำให้เมื่อพ้นจากการเป็นหนี้แล้ว จะไม่ต้องกลับไปสร้างหนี้นอกระบบใหม่อีก
"เราทำแล้ว ลงทุนแล้ว ก็ต้องช่วยไม่ให้เขากลับไปเป็นหนี้อีก มาตรการที่กำลังคิดออกมา ก็จะไปดูด้วยว่าเพราะอะไร เขาถึงกลับไปเป็นหนี้นอกระบบอีก ก็ต้องกลับไปดู ไปแก้ที่สาเหตุด้วย" นายอภิศักดิ์กล่าว
นายอภิศักดิ์กล่าวอีกว่า หนึ่งในแพ็กเกจแก้ปัญหาหนี้นอกระบบครั้งนี้ จะรวมถึงโครงการสินเชื่อเพื่อประชาชนใช้บริโภคกรณีฉุกเฉิน (PICO Finance) รวมทั้งมาตรการอื่นๆ ที่ยังอยู่ระหว่างการศึกษา เพื่อให้เป็นการแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จ อย่างไรก็ดีหลังจากได้ข้อสรุปแล้วจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาออกมาเป็นแพ็กเกจ แต่คาดว่ายังต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน เนื่องจากขณะนี้กำลังอยู่ในะหว่างการศึกษาและจัดทำ
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอการขอรับจัดสรรงบกลางสำหรับการชำระเงินทุนงวดแรกในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุน ในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (AIIB) วงเงิน 2.02 พันล้านบาท โดยการจ่ายวงเงินดังกล่าวใช้หลักเกณฑ์ตามสัดส่วนอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ (จีดีพี) ซึ่งประเทศไทยมีสัดส่วนจีดีพีสูงกว่า สิงค์โปร์ และมาเลเชีย ถือว่าไทยมีศักยภาพที่ดีขึ้น และไทยจะได้ใช้ประโยชน์จากการเป็นสมาชิก AIIB เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
พร้อมกันนี้ที่ประชุม ครม.ยังเห็นชอบการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2559 ครั้งที่ 2 ปรับลดลง 6.81 หมื่นล้านบาท จากการปรับปรุงครั้งที่ 1 ที่อยู่ที่ 1.741 ล้านล้านบาท เหลือ 1.673 ล้านล้านบาท เนื่องจากบางโครงการมีการใช้เงินงบประมาณแทนการกู้เงิน รวมไปถึงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) โดยในจำนวนดังกล่าว วงเงิน 1.6 หมื่นล้านบาท มีโครงการขนาดใหญ่ที่มีความล่าช้า ส่งผลให้ต้องปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะดังกล่าว
ขอขอบคุณข่าวจาก