- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- "ประเวศ"ซัดทหารทำลายแนวร่วมประชาชน
"ประเวศ"ซัดทหารทำลายแนวร่วมประชาชน
หมอประเวศซัด ทหารยึดอำนาจทำประเทศชาติยุ่งยาก วอนอย่าสอนหน่วยงานต่างๆ ทำงาน
ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เปิดเผยว่า ไม่อยากพูดว่าระยะเวลาที่เหลือของรัฐบาลควรทำอย่างไรเพราะไม่อยากให้เป็นประเด็นการเมือง แต่หากเลือกตั้งไปแล้วและสถานการณ์กลับไปสู่ความรุนแรงอีกครั้งและหากกองทัพต้องการจะทำอะไรอีกก็ควรทำเพียงแต่ระงับความรุนแรงเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะทำให้ยุ่งยากเหมือนในปัจจุบัน
“ในอนาคตกองทัพอย่าเข้ามายึดอำนาจหรือบริหารประเทศ ควรปล่อยให้กระบวนการรัฐสภาแก้ปัญหาทำงานไป” ศ.นพ.ประเวศ กล่าว
ศ.นพ.ประเวศ กล่าวว่า เข้าใจว่าทหารเคยแต่ระบบบังคับบัญชา แต่ก็ควรทำความเข้าใจว่าประเทศบริหารงานด้วยระบบราชการที่มีความซับซ้อน ดังนั้นควรบริหารงานให้มีความเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายและต้องเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติหากรัฐทำงานเชิงส่งเสริมเครือข่ายได้ผลก็จะทำงานที่ยากได้ง่าย
“การใช้อำนาจทำงานจะแก้ปัญหาได้น้อย เพราะประเทศไทยควรทำงานระบบโครงสร้างเครือข่ายร่วมกันในการปฏิบัติ” ศ.นพ.ประเวศ กล่าว
ศ.นพ.ประเวศ กล่าวอีกว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่มีความเข้าใจกลไกการทำงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่นับเป็นเครื่องมือปฏิรูปแต่กลับไปฟังเสียงของบุคคลบางคนเพื่อทำลายองค์กรเหล่านี้
“เมื่อพิสูจน์แล้วว่าข้อกล่าวหาคอร์รัปชั่นไม่เป็นความจริง ตรงนี้ก็ทำให้รัฐบาลเสียแนวร่วมไป เพราะทั้ง สปสช.และ สสส.ต่างก็มีแนวร่วมจากประชาชนทั่วประเทศ เช่นเดียวกับที่รัฐบาลพยายามบังคับหน่วยงานต่างๆ ว่าควรทำงานอย่างไร" ศ.นพ.ประเวศ กล่าว
สำหรับข้อเสนอปฏิรูประบบสุขภาพ ได้แก่ 1.ควรปฏิรูปแนวคิดสุขภาพเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าสุขภาพที่สมบูรณ์จะต้องมีทั้งทางกาย จิตใจ และทางปัญญา 2.ระบบสุขภาพไม่ควรทำแต่ตั้งรับ แต่ต้องทำเชิงรุกมากขึ้น 3.ควรปฏิรูประบบการเงินการคลังเพื่อให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยได้เข้าถึงระบบสาธารณสุขที่ดี4.ควรทำให้ประชาชนทุกพื้นที่มีความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพ เพื่อจะได้นำไปใช้ในครอบครัว สังคม ชุมชน ซึ่งจะแก้ความแออัดในโรงพยาบาล 5.ควรปฏิรูปกลไกรับรองคุณภาพโรงพยาบาล
อนึ่ง ศ.นพ.ประเวศ ได้กล่าวในงานครบรอบ 120 ปีแห่งชาตกาลพระบำราศนราดูร ในหัวข้อบนเส้นทางสร้างสุขภาพเพื่อคนไทยทั้งหมด เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา
ขอบคุณข่าวจาก