- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- 'วิษณุ' แจงเด้ง 23 ขรก. เปิดทางให้ตรวจสอบ 30วันต้องรู้ผิด-ไม่ผิด
'วิษณุ' แจงเด้ง 23 ขรก. เปิดทางให้ตรวจสอบ 30วันต้องรู้ผิด-ไม่ผิด
กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สร้างความฮือฮาด้วยการใช้ ม.44 สั่งย้ายข้าราชการหลายหน่วยงานรวม 23 คน ที่เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด หรือปล่อยปละละเลยให้เกิดการกระทำความผิด แยกเป็นข้าราชการตำรวจ 17 นาย ตั้งแต่ระดับ พล.ต.ท. ถึง พ.ต.ต. อัยการและรองอัยการจังหวัดนาทวี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร รองอัยการจังหวัดสมุทรสาคร และข้าราชการหลายหน่วยที่เกี่ยวข้องกับแรงงานต่างด้าวในจังหวัดสมุทรสาคร โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิมเพื่อรอผลการสอบสวนข้อเท็จจริง ถ้าไม่พบความผิดจะย้ายไปประจำ ตำแหน่งอื่น โดยไม่ให้ย้ายกลับไปรับตำแหน่งเดิมตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 25 มิ.ย. ที่หอประชุมเปรม ติณสูลานนท์ จ.นครราชสีมา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีคำสั่งหัวหน้า คสช.โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 โยกย้ายข้าราชการว่า ไม่ได้เป็นการย้าย แค่ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานอื่นเพื่อเปิดทางให้สอบสวนภายใน 30 วัน เนื่องจากการสอบสวนบางทีทำเช้าชามเย็นชาม จึงต้องระบุเวลาหากขยายเวลาต้องไปขอกับรัฐมนตรี แต่ระวัง นายกฯ รู้ว่าจะขยายเวลาทำไม ถ้ามีความผิดจะถูกลงโทษ ถ้าไม่ผิดถือว่าเป็นการเคลียร์ตัวเอง และให้กลับไปปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเดิม แต่ไม่ใช่ที่เก่า อาจจะถูกให้ไปประจำจังหวัดอื่น เพราะหากกลับที่เดิมอาจมีปัญหาอีก
ด้านนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวว่า เรื่องนี้ ศอตช.ดำเนินการหลังได้รับการร้องเรียนมาระยะหนึ่ง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ฐานะประธาน ศอตช. นำรายงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการต่อต้าน การทุจริตแห่งชาติ (คตช.) และคำสั่งดังกล่าวไม่เกี่ยวกับบัญชีข้าราชการพัวพันการทุจริตลอต 1 2 และ 3 เนื่องจากคำสั่งนี้เป็นเรื่องร้องเรียน ยังไม่ได้ระบุว่าเป็นการทุจริต
นายประยงค์กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ถือเป็นคำสั่งที่ดี มุ่งเน้นแก้ไข เมื่อพบเจ้าหน้าที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ต้องรีบดำเนินการ กระตุ้นแก้ไขให้ทำงานให้ปฏิบัติตามหน้าที่ เพราะทุกคนมีหน้าที่อยู่แล้ว พอไม่ทำหน้าที่ความเสียหายก็ตามมา เมื่อถามว่า คำสั่งนี้เกี่ยวกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แก้ไข ปัญหาค้ามนุษย์และปล่อยให้มีการค้าประเวณีในพื้นที่หรือไม่ นายประยงค์กล่าวว่า ตอนนี้จะไปพูดว่า เป็นเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ได้ แต่เรื่องที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึก กระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ มันเป็นเรื่องอย่างนั้น หลังจากนี้ ศอตช.จะรีบส่งข้อมูลไปยังต้นสังกัดที่จะต้องตั้งคณะกรรมการสอบให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นอกเหนือจากในคำสั่งต้องรอ พล.อ.ไพบูลย์สั่งการอีกครั้ง
ส่วนนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวว่า ต้องดูว่าเหตุผลของคำสั่งมีที่มาที่ไปอย่างไร ถ้าสอบสวนแล้วพบว่า ข้าราชการคนใดไม่ได้กระทำผิด นายกฯพูดไว้แล้วว่าจะรีบคืนความชอบธรรมให้ทั้งหมด เข้าใจว่าการพิสูจน์ยังติดที่กระบวนการของผู้ตรวจเงินแผ่นดิน เชื่อว่าข้าราชการที่ถูกย้ายคงไม่น้อยใจ ถ้าเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมยื่นร้องเรียนมาได้ตามช่องทางของ สนช.
ขณะที่ ม.ล.ปุณฑริก สมิติ ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวถึงคำสั่ง คสช.ย้าย น.ส.รัตนา พละชัย แรงงานจังหวัดสมุทรสาคร ไปปฏิบัติราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน รวมอยู่ด้วยว่าเบื้องต้น ยังไม่ทราบสาเหตุของการออกคำสั่งพล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน กำชับให้รีบดำเนินการให้ชัดเจน ในวันที่ 27 มิ.ย. จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงให้เร็วที่สุด พร้อมให้ความเป็นธรรมผู้ที่เกี่ยวข้อง
“ถ้าพบมีความผิดจะดำเนินการตามขั้นตอน แต่ถ้าไม่มีความผิดต้องรีบเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ เท่าที่ทราบแรงงานจังหวัดเป็นคนที่ตั้งใจทำงานดี ส่วนที่มองว่าในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก อาจมีประเด็นเข้ามาเกี่ยวข้อง ปกติตามหน้าที่แล้วแรงงานจังหวัดจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานเรื่องการตรวจอนุญาตแรงงานต่างด้าวโดยตรง เป็นหน้าที่ของหน่วยงานอื่นมากกว่า หน้าที่แรงงานจังหวัดเป็นการบริหารจัดการบูรณาการงานเชิงวางแผนนโยบายมากกว่า จึงต้องไปตรวจสอบว่ามาจากสาเหตุอะไร” ปลัดกระทรวงแรงงานกล่าว