- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- 'มาร์ค' ชี้ร่างรธน.ไม่ตอบโจทย์ประเทศ-"บิ๊กตู่ 'เมิน'
'มาร์ค' ชี้ร่างรธน.ไม่ตอบโจทย์ประเทศ-"บิ๊กตู่ 'เมิน'
"มาร์ค"ชี้ร่างรธน.ไม่ตอบโจทย์ประเทศ ชี้การแก้ไขปัญหาการทุจริตเป็นจุดเด่น แต่ต้องมองการแก้ไขปัญหาทุจริตให้ครบวงจร ประชาชนสามารถตรวจสอบเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเต็มที่
เมื่อวันที่ 27 ก.ค. เวลา 14.00 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงจุดยืนเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ว่า การแถลงวันนี้แม้ไม่เป็นมติพรรคได้ เพราะไม่สามารถประชุมพรรคได้ แต่เป็นจุดยืนที่ตนแสดงความเห็นในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นอุดมการณ์ของพรรค โดยรัฐธรรมนูญที่จะประกาศใช้จะต้องเป็นกติกาถาวรของประเทศที่เอื้อให้ประเทศเดินหน้าก้าวพ้นจากสภาพปัญหาในปัจจุบันได้ ทั้งนี้ มีโจทย์สำคัญ คือ 1.กำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศอย่างไร 2.การแก้ปัญหาการทุจริต และ 3.ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง แต่ร่างรัฐธรรมนูญนี้ไม่ได้เดินไปทิศทางดังกล่าว และมีหลักประกันสิทธิเสรีภาพน้อยกว่ารัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 จึงมองว่าโอกาสที่รัฐธรรมนูญจะทำให้ประเทศก้าวหน้า และรัฐบาลที่มาหลังประกาศใช้ รัฐธรรมนูญ จะตอบสนองตอบโจทย์ประเทศและแก้ไขปัญหาต่างๆเป็นไปได้ยาก นอกจากนี้ความขัดแย้งต้องแก้ด้วย 2 กระบวนการ คือ กระบวนการการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย และกระบวนการยุติธรรม โดยต้องมีการตรวจสอบถ่วงดุลอย่างเหมาะสม แต่กลไกของ ส.ว. 250 คน ที่มาจากการคัดเลือกและแต่งตั้ง จะเป็นการสร้างคู่ขัดแย้งใหม่เกิดขึ้น ขณะที่กติกาก็แก้ยากมาก จึงเป็นตัวที่บีบรัดและตีกรอบความขัดแย้งในอนาคต อีกทั้งการทำประชามติเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างผิดปกติ ไม่เป็นไปตามแนวทางที่ปฏิบัติกันมา มีข้อโต้แย้งว่าฝ่ายที่เห็นต่าง จนทำให้เกิดความตึงเครียด เป็นปัญหาเรื่องความชอบธรรมในการจัดทำประชามติ จึงหมายความว่ารัฐธรรมนูญนี้จะเป็นเงื่อนไขความขัดแย้งในอนาคตได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า การแก้ไขปัญหาการทุจริตเป็นจุดเด่นของรัฐธรรมนูญนี้ แต่เราต้องมองการแก้ไขปัญหาทุจริตให้ครบวงจร การจับการทุจริตต้องเริ่มต้นจากบรรยากาศที่เปิด ประชาชนสามารถตรวจสอบเข้าถึงข้อมูลได้อย่างเต็มที่ แต่ร่างรัฐธรรมนูญนี้ถอดกระบวนการถอดถอนออก โดยพึ่งกลไกหลัก คือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อีกทั้งยังทำให้ 2 องค์กรนี้อ่อนแอลง เพราะคนทำผิดสามารถอุทธรณ์ได้ง่าย ดังนั้น ถ้าร่างรัฐธรรมนูญนี้ผ่าน คนกลุ่มแรกที่ได้รับประโยชน์จากรัฐธรรมนูญนี้ คือ จำเลยในคดีรับจำนำข้าว เพราะถ้าเขาถูกตัดสินว่าผิด จะสามารถอุทธรณ์ตามรัฐธรรมนูญใหม่ได้เลย แม้ตนสนับสนุนการปราบโกง แต่เห็นว่าบทบัญญัติกำลังทำให้กระบวนการปราบโกงอ่อนแอลง อีกทั้งเกณฑ์การพิจารณาไม่มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับระบบเลือกตั้ง และการเมือง แต่ไม่ตอบโจทย์ของประเทศ ไม่เป็นกติกาที่เอื้อให้ประเทศไทยก้าวพ้นจากปัญหาเดิมได้
"ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านมา ผมสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ทำรัฐธรรมนูญใหม่ตามโรดแม็พที่กำหนดไว้ แล้วจัดการเลือกตั้ง เป็นโอกาสที่จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ให้รัฐธรรมนูญที่ดีแก่สังคม โดยท่านต้องฟังจุดอ่อนและจุดแข็งจากสังคม แต่ไม่ต้องเปลี่ยนเป้าหมายในการแก้ปัญหาประเทศ ดังนั้นผมเสนอจุดเริ่มต้นว่าน่าจะเป็นรัฐธรรมนูญปี 2550 เพราะเคยผ่านการทำประชามติมาแล้ว และ ไม่ใช่ตัวปัญหาเงื่อนไขที่ทำให้เกิดรัฐประหาร และบทบัญญัติเรื่องสิทธิเสรีภาพชัดเจนที่สุด เราไม่ควรถอยหลังไปจากนี้”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การกำหนดจุดยืนของตนเพื่อต้องการให้พรรคประชาธิปัตย์ เริ่มต้นก้าวแรกที่เป็นก้าวใหม่ในการเมืองใหม่เหมือนกัน เราต้องพิจารณาตามหลักการ อุดมการณ์ และผลประโยชน์ส่วนรวมประเทศ ถ้าเรายังเอาการเมืองที่ว่า คนนี้เราชอบ พูดอย่างนี้เราต้องตาม หรือต้องค้านตลอดเวลา เราจะไม่มีวันก้าวผ่านวิกฤติได้เลย ขนาดนาฬิกาตายยังบอกเวลาตรงได้วันละ 2 ครั้ง จุดยืนที่แถลงยืนยันว่า เอาอุดมการณ์ และผลประโยชน์มารวมกัน โดยไม่สนใจว่า คสช. นปช. จะพูดอย่างไร เราจะเอาหลักเกณฑ์เช่นนั้นกำหนดอนาคตประเทศไม่ได้ เราต้องเอาหลักการมากำหนดการเมืองใหม่เพื่อตอบโจทย์ประเทศได้แท้จริง สำหรับคนที่เป็นห่วงว่าตนแถลงอย่างนี้ เพราะสมคบคิดพรรคการเมือง คงไม่ใช่ เราดำเนินการด้วยความบริสุทธิ์ ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่มีวันไปสมคบคิดกับคนที่โกงชาติ หรือคิดจะโกงชาติในอนาคตโดยเด็ดขาด และวันนี้จะไม่ตอบคำถามสื่อมวลชน อยากให้ท่านไปพิจารณาสาระที่พูดวันนี้ว่า จะทำให้ประเทศเดินหน้าได้หรือไม่ ถ้าใครเห็นว่าสิ่งที่ตนพูดไม่ถูกต้อง ตนยินดีแลกเปลี่ยนข้อมูล และอย่าถึงตนขัดแย้งกับใคร หรือสมคบใคร
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ไม่รับ ก็ไม่รับ ส่วนจะมีผลกับประชาชนหรือไม่นั้น ให้ไปถามนายอภิสิทธิ์และประชาชน ตนมีเพียงคะแนนเสียงเดียว ซึ่งไม่ว่านายอภิสิทธิ์หรือใครที่ออกมาประชาชนต้องไปคิดเองว่ามีเจตนาอย่างไร ถ้าคิดว่าประชาชนไม่รู้ ก็ถือว่าดูถูกประชาชน แต่ตนเชื่อว่าประชาชนคิดเองได้ และขอให้ทุกคนกำหนดชีวิตตนเอง อย่าให้ตนเป็นคนกำหนด อย่างไรก็ตาม ผลในวันที่ 7 ส.ค. จะออกมาอย่างไรรัฐบาลก็พร้อมรับ และดำเนินการต่อตามตามกฎหมายและโรดแม็พที่วางไว้ ซึ่งที่ผ่านมาเดินหน้ามาพอสมควร จึงอย่าเอาเรื่องเก่าที่ขัดแย้งกันมากว่า 10 ปี มาตีกัน ตนกำลังสร้าง อีกคนทำลาย อย่าเอามาพันกัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่นักการเมืองเรียงหน้าออกมาแถลงรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ให้เป็นไปตามกฎหมายและไปยื่นฟ้องกับคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เนื่องจากมีกฎหมายการทำประชามติอยู่แล้ว ทั้งนี้ขอย้ำว่าหากไม่ผ่านการทำประชามติ ก็ต้องยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่มีทางออกหรือวิธีอื่น หรือจะให้ทำรัฐธรรมนูญใต้น้ำ ทั้งนี้การทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่จะนำสิ่งที่ดีของรัฐธรรมนูญทุกฉบับมารวมกัน และเชื่อว่าจะไม่กระทบโรดแม็พ
ส่วนการที่นายอภิสิทธ์สนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ด้วยตนเองนั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าเป็นการพูดประชด ซึ่งการที่ตนเคยระบุว่าจะร่างรัฐธรรมนูญเองหมายถึงการให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ขอให้เห็นใจและสงสารคณะร่างรัฐธรรมนูญชุดที่ผ่านมาด้วย เพราะเชื่ออว่าทุกคนหวังดีและต้องการส้รางความเชื่อมั่นไว้วางใจระหว่างประชาชนกับนักการเมือง จึงขออย่าโจมตีคนร่าง ซึ่งตนไม่สามารถร่างคนเดียวได้ แต่หากอยู่คนเดียวในโลก และไม่มีคนในประเทศไทยร่างได้ ตนจึงจะร่าง อย่างไรก็ตาม คนไทยต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง หากยังขยายความขัดแย้งแบบเดิม ก็ไม่สามารถทำสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ส่วนตัวเข้ามาเพื่อแก้ไขกฎหมายปรับเปลี่ยนสิ่งที่เคยปล่อยปละละเลย หากต้องการอย่างไร ก็ต้องขอคนที่มาในวันหน้า.
ขอขอบคุณข่าวจาก