- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- สธ.กักตัวชายชาวคูเวตน่าจะป่วยเมอร์ส
สธ.กักตัวชายชาวคูเวตน่าจะป่วยเมอร์ส
สธ.กักตัวชายชาวคูเวตน่าจะป่วยเมอร์ส พร้อมญาติ 2 คน 14 วัน อุบตอบ จำนวนผู้ร่วมโดยสารบนเครื่องบิน ยัน รู้ และติดตามแล้ว วอนประชาชนอย่าแตกตื่น ขอให้มั่นใจระบบดูแล
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ที่กรมควบคุมโรค นพ.อำนวย กาจีนะ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมควบคมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้มีการตรวจพบผู้ต้องสงสัยน่าจะป่วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือโรคเมอร์ส เป็นชายชาวคูเวต อายุ 18 ปี ซึ่งเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทยเมื่อวันที่ 25 ก.ค. ที่ผ่านมา พร้อมกับย่า และบิดา โดยวัตถุประสงค์เดิม คือ พาย่ามารักษาโรคเข่า แต่ชายอายุ 18 ปี รายดังกล่าวเริ่มมีไข้หวัดในวันที่ 26 ก.ค. ถือว่า อยู่ในเกณฑ์ต้องเฝ้าระวังโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจฯ ทางโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่ทำการรักษาอาการป่วยของย่าอยู่นั้น จึงได้ทำการเก็บตัวอย่างเชื้อส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลเอง ผลออกมาเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ก็พบว่า มีเชื้อฯ ดังนั้นจึงได้แจ้งมาที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้รับตัวมาที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร เมื่อวันที่ 28 ก.ค. เข้าสู่ระบบการเฝ้าระวังโรคติดต่ออันตรายตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุขต่อไป
“เราได้แยกตัวผู้ป่วยเอาไว้ในห้องแยกโรคความดันเป็นลบ ตอนนี้ไข้ลดลง ส่วนอาการอื่น ๆ ไม่มีอะไร ดังนั้น 14 วันนี้ นับจากวันที่ 26 ก.ค.เป็นต้นมา หากผลการตรวจเชื้อทางห้องปฏิบัติการยืนยันว่าไม่พบเชื้อแล้วก็จะอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ ส่วนญาติอีก 2 คน ที่ถือเป็นผู้มีสัมผัสโรคความเสี่ยงสูงนั้นก็รับเข้ามาดแลที่โรงพยาบาลบำราศนราดูรเรียบร้อยแล้ว เช่น เดียวกับคนขับแท็กซี่ก็ตามตัวเข้ามาอยู่ในการดูแลที่โรงพยาบาลแล้วเช่นเดียวกัน” นพ.อำนวย กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เนื่องจากพบว่าชายดังกล่าวมีอาการป่วยมาตั้งแต่วันที่ 26 ก.ค.รวมแล้ว 5 วันทำไมถึงยังไม่ยืนยันว่า เป็นผู้ป่วย แต่กลับใช้ว่าเป็นผู้ที่น่าจะป่วย นพ.อำนวย กล่าวว่า ตามเกณฑ์ขององค์การอนามัยโลก จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1. ผู้ป่วยยืนยัน 2. กลุ่มที่น่าจะป่วยติดเชื้อฯ และ 3. กลุ่มที่ไม่แน่นอน ซึ่งต้องได้รับการดูแลตามมาตรการสูงสุดเท่ากันหมด ซึ่งกรณีของชายคนนี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม จึงมีการส่งสารคัดหลั่งตรวจที่ห้องปฏิบัติทางวิทยาศาสตร์ 4 แห่ง คือ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สถาบันบำราศนราดูร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และโรงพยาบาลรามาธิบดี ให้ผลยังไม่นิ่ง แต่ในทางการแพทย์จะนับว่า รายนี้เป็นผู้ที่น่าจะป่วย ต้องเข้าสู่ระบบการดูแล ซึ่งถือเป็นรายที่ 2 ของปี 2559 และรายที่ 3 ของประเทศไทยนับจากที่มีการเฝ้าระวังมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีผู้ร่วมโดยสารมากับเครื่องบาลำเดียวกันมีกี่คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกี่คน นพ.อำนวย กล่าวว่า ขณะนี้ทราบชื่อ ทราบจำนวนหมดแล้ว จากนี้จะติดตามเพื่อเข้าสู่ระบบการดูแลตามเกณฑ์ต่อไป ขอให้ประชาชนแตกตื่น อย่ากังวล ขอให้มั่นใจในระบบการควบคุมป้องกันโรคของกระทรวง ส่วนเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็มีการเฝ้าระวังกันตามเกณฑ์ที่เคยปฏิบัติมา ต้องถือว่าเป็นระบบที่มีความเข้มแข็ง เพราะเมื่อทราบว่ามีผู้ป่วย ทางโรงพยาบาลเอกชนก็รีบแจ้งมาทันที
ขอบคุณข่าวจาก