- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- 'ศาลทหาร' เลื่อนนัดสืบพยานปากแรก คดีบึมราชประสงค์-ท่าเรือสาทร
'ศาลทหาร' เลื่อนนัดสืบพยานปากแรก คดีบึมราชประสงค์-ท่าเรือสาทร
ศาลทหารเลื่อนนัดสืบพยานปากแรกคดีระเบิดราชประสงค์-ท่าเรือสาทร หลังล่ามจำเลยหนีหมายจับ "ทนายชูชาติ" เผยทำหนังสือส่งสภาอุยกูร์โลก ขอล่ามช่วยแปลภาษา คาดคดีจบปลายปี 60
วันที่ 23 ส.ค. 59 ที่ศาลทหารกรุงเทพ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้นำตัวนายอาเดม คาราดักจำเลยที่ 1 และนายไมไรลี ยูซุฟู จำเลยที่ 2 ผู้ต้องหาในคดีระเบิดราชประสงค์และท่าเรือสาทร มายังศาลทหารฯ เพื่อนัดสืบพยานปากแรก โดยมี พ.ต.ท.ทวยเทพเดวิด วิบุลศิลป์ สว.กก.4 ส.2 กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยโดยทางศาลทหารกรุงเทพได้อนุญาตให้สื่อมวลชนส่งตัวแทนเข้าร่วมรับฟังได้ด้วย จากนั้นเวลา 11.40 น.เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้นำตัวนายอาเดมและนายไมไรลี ออกจากศาลทหารฯภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการทางศาลเพื่อเดินทางกลับเรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี ภายในกองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 (พัน.ร.มทบ.11)
นายชูชาติ กันภัย ทนายความของนายอาเดม กล่าวภายหลังว่า วันนี้เป็นวันนัดสืบพยานของโจทก์นัดแรก แต่ล่ามที่ศาลทหารฯด้แต่งตั้งคือนายบัคคาดีร็อก ซีโรจิดินส์ ที่สามารถสื่อสารภาษาอุยกูร์เป็นภาษาอังกฤษได้นั้นถูกดำเนินคดีที่ สน.ลุมพินี และได้หลบหนีหมายศาลอยู่ ทำให้มาศาลทหารฯในวันนี้ไม่ได้ ดังนั้นจำเป็นต้องเลื่อนสืบพยานออกไปเป็นวันที่ 15 ก.ย. 59 เพื่อหาล่ามคนใหม่แทนโดยทางฝ่ายจำเลยได้เสนอชื่อนายโอเมอร์ แฮเนท ที่อยู่สภาอุยกูร์โลกมาเป็นล่ามคนใหม่ ซึ่งทางอัยการศาลทหารก็ได้เสนอให้หาล่ามคนใหม่เช่นเดียวกัน โดยตนได้ยื่นคำร้องต่อศาลทหารฯ ไปแล้ว ทั้งนี้ต้องรอการพิจารณาคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 7 วัน เพื่อทำหนังสือถึงสภาอุยกูร์โลก เพื่อส่งตัวล่ามมาช่วยในขั้นตอนของศาลทหารฯ ซึ่งทางสภาอุยกูร์โลกก็ยินดีให้ความร่วมมือ แต่ทั้งนี้ต้องรอศาลทหารฯ แต่งตั้งเป็นล่ามก่อนถึงจะดำเนินการในศาลทหารฯได้ ส่วนค่าใช้จ่ายของล่าม ทางสภาอุยกูร์โลกเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด ถือว่าเป็นล่ามที่ได้มาตรฐาน
นายชูชาติ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ในระหว่างการพิจารณาทางกรมราชทัณฑ์ได้ส่งรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องการที่ทางจำเลยทั้งสองขอให้ย้ายเรือนจำจากเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี ไปที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ แต่ทางกรมราชทัณฑ์ได้แจ้งว่าคดีดังกล่าวนี้เป็นคดีความมั่นคง การที่จะนำผู้ต้องหาทั้งสองคนไปขังปนกับผู้ต้องหาคนทั้งสองคนไปขังปนกับผู้ต้องหาคนอื่นนั้นอาจจะไม่มีความปลอดภัย จึงขอให้อยู่ที่เดิมคือเรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี ซึ่งตนได้แจ้งจำเลยทั้งสองคนแล้วและก็ไม่ได้ขัดข้อง รวมถึงทางเจ้าหน้าที่เรือนจำก็ดูแลอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องอาหารอิสลาม ส่วนกรณีที่เคยแถลงต่อศาลทหารฯ ว่าจำเลยทั้งสองคนถูกทำร้ายขณะนี้อยู่ในเรือนจำนั้นทางกรมราชทัณฑ์ได้ส่งหนังสือกลับมาที่ศาลทหารฯ ว่าได้ตรวจร่างกายแล้วไม่พบร่องรอยว่าถูกทำร้ายร่างกาย อย่างไรก็ตามตนคิดว่าคดีนี้ศาลทหารฯ จะมีคำพิพากษาได้ช่วงปลายปี 60 เนื่องจากมีพยานทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยไม่ต่ำกว่า 250 ปาก ดังนั้นต้องใช้เวลา.
ขอบคุณข่าวจาก