- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- "บิ๊กจิน"ลั่นสามารถสั่งปิดเซฟเวอร์เว็บฯหมิ่นได้ทันที
"บิ๊กจิน"ลั่นสามารถสั่งปิดเซฟเวอร์เว็บฯหมิ่นได้ทันที
พล.อ.อ.ประจิน เผยมีเครื่องมือปิดเซฟเวอร์ไม่เหมาะสมได้ทันที เตรียมหาเจ้าภาพหลักรับมือโลกไซเบอร์
28 ต.ค. 59 - ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าอยากให้ช่วยแจ้งเบาะแสการนำพระบรมฉายาลักษณ์ไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม หากพบเรื่องเหล่านี้ตามเครือข่ายอินเตอร์เน็ต รัฐบาลสามารถดำเนินการสั่งปิดได้ในทันที และเราก็ดำเนินการอยู่ ซึ่งหากได้เบาะแสที่ชัดเจนก็จะทำได้เร็วขึ้น ทุกภาคส่วนจึงต้องช่วยกันและขออย่าได้ส่งต่อข้อมูลด้วยการแชร์ หรือกดถูกใจข้อความหรือพระบรมฉายาลักษณ์เชิงการค้าที่ไม่เหมาะสม แต่ให้แจ้งแห่งที่มามายังรัฐบาล โดยรัฐบาลจะรีบจัดการ อย่างไรก็ตามขณะนี้มีคำสั่ง คสช. ที่สามารถสั่งปิดเซฟเวอร์ได้ในทันที และรัฐบาลมีศูนย์ปฏิบัติการความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อรองรับการร้องเรียน โดยสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่สายด่วน 1212
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า สำหรับความผิดเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ทางสังคมออนไลน์นั้น หากเป็นเซฟเวอร์ที่เปิดในต่างประเทศ เมื่อได้ยูสเซอร์แอคเคานต์ หรือ ไอดีของผู้โพสต์ จะสามารถหาตัวผู้กระทำความผิดได้ แต่เนื่องจากผู้ประกอบการซึ่งเป็นบริษัทเอกชนไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้งานได้ทันที รัฐบาลจึงเจรจากับทาง กูเกิล ยูทูป ไลน์ และเมื่อได้รับความร่วมมือ เราก็จะสามารถติดตามไปถึงต้นตอได้ พร้อมกันนี้ รัฐบาลยังได้ประสานขอความร่วมมือไปยังทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก ซึ่งจะเข้าหารือกับตนเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวในสัปดาห์หน้า
อย่างไรก็ตามบริษัทเหล่านี้จะมีทีมดูแลในเรื่องของผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ให้ โดยตั้งทีมขึ้นมารับคำร้องจากรัฐบาลไทยเป็นพิเศษ อีกทั้งยังได้ประสานงานกับตำรวจสากลในประเทศญี่ปุ่นเพื่อช่วยดำเนินคดีฟ้องร้องต่อศาลกับผู้กระทำผิด
พล.อ.อ. ประจิน ย้ำว่า รัฐบาลจะมีมาตรการคุมเข้มต่อผู้กระทำความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ในโลกออนไลน์ มากขึ้น เพราะโลกไซเบอร์กว้างขวางมาก จากนี้ไปเรื่องของความปลอดภัยทางไซเบอร์จะคลอบคลุมในทุกมิติ และจะต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างระบบโครงข่ายเพื่อให้สามารถจัดการเรื่องต่างๆให้ทันต่อความก้าวหน้าของเทคโนโลยี ขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการปิดการโพสต์หมิ่นสถาบัน หรือสร้างความเสื่อมเสียต่อบุคคลและมีผลกระทบต่อความมั่นคง และยังปรับปรุงคำสั่งต่างๆ เพื่อรองรับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ขณะนี้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลัก แต่ในอนาคตจะมีเจ้าภาพหลักรับผิดชอบ จึงต้องมีการหารือกันอีกหลายครั้งก่อนกำหนดเจ้าภาพได้
ขอบคุณข่าวจาก