- Home
- Isranews
- รายงาน-สกู๊ป
- เปิดผลสอบ'โครงการวิจัยนิวเคลียร์องครักษ์'ขรก.ไม่ผิด-โยนเอกชนชดใช้
เปิดผลสอบ'โครงการวิจัยนิวเคลียร์องครักษ์'ขรก.ไม่ผิด-โยนเอกชนชดใช้
"การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องใน 4 ประเด็นดังกล่าว ยังไม่ปรากฏว่าเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือจงใจของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง หรือมีมูลอันควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยข้าราชการ แต่อย่างใด"
กรณี นายเกรียงศักดิ์ ก้อนทอง อดีตหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย และอดีตรักษาการ ผอ.กลุ่มบริหารจัดการ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ 'สทน.' เดินทางไปสำนักงานศาลปกครองกลาง โดยมีความประสงค์ขอฟ้อง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) คณะกรรมการ ป.ป.ท. สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) และนายพรเทพ นิศามณีพงษ์ ผอ.สทน. โดย ขอให้เพิกถอนมติชี้มูล และมีคำสั่งให้กลับเข้าปฏิบัติงานในตำแหน่งเดิม หรือไม่ต่ำกว่าเดิม (อ่านประกอบ : อดีต หน.กม.สถาบันนิวเคลียร์ฯฟ้องศาลให้ ผอ.-ป.ป.ท.คืนตำแหน่ง อ้างโดนปลดมิชอบ)
เพื่อให้สาธารณชนเข้าใจและเข้าถึงข้อมูลยิ่งขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำข้อมูลการตรวจสอบโครงการวิจัยนิวเคลียร์องครักษ์ ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ได้รับแจ้งผลกาตรวจสอบ จากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เมื่อ 21 ส.ค. 2549 มาเสนอ ดังนี้
เนื่องจาก สตง.ได้ตรวจสอบเรื่องการจ้างที่ปรึกษาโครงการวิจัยนิวเคลียร์องครักษ์ และการจ้างเหมาออกแบบและก่อสร้างอาคารเครื่องปฏิกรณ์ ฯ พร้อมอุปกรณ์ระบบขจัดกากกัมมันตรังสี ของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) โดยคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ตรวจสอบแล้ว มีพฤติการณ์อันน่าเชื่อว่า มีการทุจริต หรือมีการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้ทางราชการเสียหาย สตง.จึงแจ้งให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ทางวินัย กับผู้เกี่ยวข้องตามกฎหรือระเบียบแบบแผนของทางราชการ
โดย วท.ได้มีคำสั่งที่ 80/2549 ลงวันที่ 30 ส.ค. 49 และที่ 84/2549 ลงวันที่ 11 ก.ย. 49 และที่ 66/2550 ลงวันที่ 3 ก.ค. 50 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดและสอบสวนหาข้อเท็จจริงตามนัยผลการตรวจสอบของ สตง. โดยมี ผู้ตรวจราชการกระทรวงเป็น ประธานกรรมการ ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด, ผอ.สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักปลัด วท., นิติกร ประจำกรมวิทยาศาสตร์บริการ เป็นกรรมการ และหัวหน้ากลุ่มงานกฎหมาย สำนักงานปลัด วท. เป็นกรรมการและเลขานุการ โดยคณะกรรมการ ฯ จะทำหน้าที่ 2 ประการ คือ 1.ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงเพื่อให้ปรากฏมูลค่าความเสียหายของทางราชการ และเจ้าหน้าที่ผู้ต้องรับผิดต่อทางราชการในความเสียหายที่เกิดขึ้น และ 2.สอบสวนให้ปรากฏข้อเท็จจริงเพื่อนำไปสู่การชี้มูลกล่าวโทษข้าราชการที่เกี่ยวข้องว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำผิดวินัย ที่จะต้องมีการดำเนินการสอบสวนทางวินัยต่อไป
โดย การสอบข้อเท็จจริงในเรื่องการจ้างที่ปรึกษาโครงการดังกล่าว พบว่า มีการว่าจ้างบริษัท อิเล็กโทรวัตต์ เอ็นจิเนียริ่ง เซอร์วิส จำกัด (EWE) และคณะกรรมการ ฯ ได้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริง โดยยึดถือประเด็นของ สตง. เป็นหลัก ซึ่ง สตง.เห็นว่า มีการตรวจรับและเบิกจ่ายค่าจ้างให้กับบริษัทที่ปรึกษาที่ทำให้ราชการได้รับงานไม่ครบตามขอบเขตการทำงานจ้างที่ปรึกษาตามข้อกำหนดสัญญาจ้าง และได้สอบกรณีดังกล่าวแล้วเสร็จ เมื่อ 10 ม.ค. 51 เห็นว่า กรณีดังกล่าวมีการตรวจรับงานของที่ปรึกษา ไม่ครบถ้วนตามข้อตกลงในสัญญาว่าจ้าง แต่ได้จ่ายเงินค่าจ้างเกินกว่างานที่ได้รับ อันเป็นการบริหารสัญญาไม่ถูกต้อง และทางราชการได้รับความเสียหาย มีมูลค่าความเสียหาย จำนวน 139,992,140 บาท ซึ่งมีเจ้าหน้าที่อยู่ในข่ายที่ต้องรับผิดทั้งในส่วนของความรับผิดทางละเมิด และถูกดำเนินการทางวินัย จำนวน 3 ราย
สำหรับในส่วนความรับผิดทางละเมิด วท.ได้ส่งสำนวนการสอบข้อเท็จจริง ฯ ให้แก่ กระทรวงการคลังตรวจสอบตามระเบียบของทางราชการ และกรมบัญชีกลาง โดยความเห็นชอบจากกระทรวงการคลัง ได้มีหนังสือแจ้งมายัง วท. เมื่อ 2 ก.ย. 51 เห็นว่า ตามที่ วท. เสนอให้เรียกให้ผู้ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่ทางราชการโดยด่วน ซึ่ง วท.ได้มอบหมายให้ ปส.ในฐานะหน่วยงานที่ได้รับความเสียหายดำเนินการต่อไปตามระเบียบของทางราชการ โดย ปส.ได้ออกคำสั่งที่ 296/2551 ลงวันที่ 21 พ.ย. 51 เรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ก่อให้เกิดความเสียหายทั้ง 3 ราย ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ ปส.แล้ว ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ผู้ต้องรับความผิดตามคำสั่ง ฯ ทั้ง 3 ราย ได้ดำเนินการฟ้องเพิกถอนคำสั่งต่อศาลปกครองกลางและอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในชั้นศาล ฯ
ขณะที่ ในการดำเนินการทางวินัย วท.ได้มีคำสั่งที่ 90/2551 ลงวันที่ 28 ส.ค. 51 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้าราชการพลเรือนสามัญ กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง ต่อเจ้าหน้าที่ผู้ก่อความเสียหายดังกล่าว จำนวน 1 ราย เนื่องจาก เจ้าหน้าที่อีก 2 ราย ได้เกษียณอายุราชการไปก่อนมีการชี้มูลจาก สตง. จึงไม่สามารถดำเนินการทางวินัยได้ตามระเบียบของทางราชการ ซึ่งผลการสอบสวนทางวินัย เห็นว่า เจ้าหน้าที่ดังกล่าวได้กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ เป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการอย่างร้ายแรง จึงเห็นควรลงโทษปลดออกจากราชการ และ อกพ.วท. ได้มีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการสอบสวนเสนอ วท. จึงมีคำสั่งที่ 42/2553 ลงวันที่ 31 พ.ค. 53 ลงโทษปลดเจ้าหน้าที่ดังกล่าวออกจากราชการ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ผู้ถูกลงโทษได้อุทธรณ์คำสั่งต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (กพค.) และอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กพค.
โดย การสอบข้อเท็จจริง กรณีการจ้างเหมาออกแบบและก่อสร้างอาคารเครื่องปฏิกรณ์ ฯ พร้อมอุปกรณ์ระบบขจัดกากกัมมันตรังสี ที่มีการว่าจ้างบริษัท เจเนอรัล อะตอมมิกส์ จำกัด (GA) คณะกรรมการ ฯ ได้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริง โดยยึดถือประเด็นของ สตง.เป็นหลัก 4 ประเด็น คือ 1.กระบวนการเกี่ยวข้องกับการทำสัญญาว่าจ้างบริษัท GA 2.การกำหนดงวดงานในสัญญาไม่เหมาะสม 3.การตรวจรับงานข้ามงวดในงวดที่ 19 เป็นการไม่คำนึงถึงประโยชน์ของทางราชการ และ 4.การไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญาว่าจ้าง หลังบริษัท GA ปฏิเสธการดำเนินงานก่อสร้างตามสัญญา
โดย คณะกรรมการได้สอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้วเสร็จ เมื่อ 20 ก.ย. 53 เห็นว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องใน 4 ประเด็นดังกล่าว ยังไม่ปรากฏว่าเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือจงใจของเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง หรือมีมูลอันควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยข้าราชการ แต่อย่างใด ซึ่งปลัด วท.ได้พิจารณารายงานผลการสอบข้อเท็จจริงแล้ว มีวินิจฉัย ดังนี้
ประเด็นที่ 1 กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญาว่าจ้างบริษัท GA พิจารณาแล้ว เห็นว่า การที่เลขาธิการ ปส.ใช้อำนาจบริหารสั่งการให้มีการเปลี่ยนแปลงกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา 4 ใน 5 คน ที่เสนอให้ยกเลิกการประกวดราคา จนในที่สุดทำให้มีการรับราคาตามที่เสนอนั้น แม้จะอ้างว่า เป็นดุลพินิจที่เลขา ฯ ปส.สามารถกระทำได้โดยไม่ผิดระเบียบราชการ อันจะทำให้ต้องรับผิดฐานละเมิดหรือรับผิดทางวินัยก็ตาม แต่การกระทำการลักษณะดังกล่าวถือว่าไม่เหมาะสม อันอาจนำไปสู่การตีความว่า เป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบได้ อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติดังกล่าวนั้นจะมีผลเพียงจะยกเลิกการประกวดรารา (แล้วทำการประกวดใหม่) หรือจะรับราคาที่เสนอเท่านั้น มิได้ทำให้เกิดความเสียหายต่อราชการ แต่อย่างใด จึงไม่ได้ถือว่าเป็นการจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จนต้องรับผิดทางละเมิดและทางวินัย
ประเด็นที่ 2 การกำหนดงวดงานในสัญญาว่าจ้างบริษัท GA พิจารณาแล้ว เห็นพ้องกับคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ฯ ว่า กระบวนการจัดทำร่างสัญญาว่าจ้างบริษัท GA นั้น ปส.ได้มีการดำเนินการตามแนวทางของระเบียบแบบแผนทางราชการ และการกำหนดปริมาณงานและค่าจ้างเป็นไปตามกรอบหลักการของการจ้างเหมารวม (Lump Sum Turnkey) ตามมติ ค.ร.ม. ในขณะนั้น จึงฟังไม่ได้ว่า เจ้าหน้าที่ของ ปส. กระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง อันจะก่อความเสียหายต่อราชการ แต่อย่างใด จึงไม่มีผู้ใดต้องรับผิดในทางละเมิดและทางวินัย
ประเด็นที่ 3 การตรวจรับงวดงานในลำดับที่ 19 การจัดซื่อยูเรเนียม พิจารณาแล้ว เห็นพ้องกับคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ฯ ว่า การตรวจรับงานมีเหตุผลอันสมควรและเป็นไปตามข้อตกลงในสัญญาว่าจ้าง ซึ่งเป็นการตรวจรับไปตามข้อเท็จจริงและสภาพการณ์ในขณะนั้น ซึ่งยังไม่ปรากฏว่ามีเหตุหรือพฤติการณ์ที่จะคาดได้ว่าบริษัท GA อาจจะไม่มีการดำเนินการตามสัญญา จึงฟังไม่ได้ว่า เจ้าหน้าที่ของ ปส.ที่เกี่ยวข้องกระทำการโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง อันจะก่อความเสียหายต่อราชการ แต่อย่างใด จึงไม่มีผู้ใดต้องรับผิดในทางละเมิดและทางวินัย
ประเด็นที่ 4 การดำเนินการของ ปส. หลังจากบริษัท GA ปฏิเสธการเข้าดำเนินงานก่อสร้าง พิจารณาแล้ว เห็นพ้องกับคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ฯ ว่า การดำเนินการของ ปส. ในการเจรจากับบริษัท GA หลังจากที่ปฏิเสธการเข้าดำเนินงานก่อสร้างเป็นไปตามขอบเขตสัญญาจ้าง และการดำเนินการของ ปส.เป็นไปโดยเปิดเผย มีการรายงานนำเสนอต่อกระทรวงวิทย์ ฯ และคณะรัฐมนตรีตามลำดับ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบแบบแผนของทางราชการ จึงฟังไม่ได้ว่า ปส. กระทำการไม่คำนึงถึงและไม่รักษาผลประโยชน์ของทางราชการ โดยเจ้าหน้าที่ของ ปส.ที่เกี่ยวข้องกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง อันจะก่อความเสียหายต่อทางราชการ จึงไม่มีผู้ใดต้องรับผิดในทางละเมิดและทางวินัย
ทั้งนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นในโครงการศูนย์วิจัยนิวเคลียร์องครักษ์ พิจารณาโดยรวมแล้ว เห็นว่า เป็นผลจากการที่บริษัท GA ไม่ดำเนินงานให้เป็นไปตามสัญญาว่าจ้าง จึงให้ ปส.ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามความเห็นของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง
โดย วท. ได้ส่งสำนวนการสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวให้กระทรวงการคลังพิจารณา เมื่อ 28 ธ.ค. 53 และขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลัง
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาในกรณีกล่าวหาว่ามีการทุจริต หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในโครงการดังกล่าวนั้น ขณะที่ทาง ป.ป.ช. ได้มีการพิจารณาในเรื่องดังกล่าว โดยมีการประสานข้อมูลต่าง ๆ ระหว่าง วท. และ ป.ป.ช. เป็นระยะ โดยผลการพิจาณายังคงอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการของ ป.ป.ช.
ขณะที่ นายเกรียงศักดิ์ เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า "เชื่อว่าโดนกลั่นแกล้ง เนื่องจาก ได้รับมอบหมายให้รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าโครงการเฉพาะกิจ เพื่อบริหารข้อพิพาทศูนย์วิจัยนิวเคลียร์องครักษ์ จ.นครนายกด้วย จึงทราบเรื่องทุจริตภายในเยอะ และปัจจุบันว่างงานมาประมาณ 1 ปีได้แล้ว"
สำนักข่าวอิศราจะสืบค้นข้อมูลมานำเสนอต่อไป
อ่านประกอบ :
อดีต หน.กม.สถาบันนิวเคลียร์ฯฟ้องศาลให้ ผอ.-ป.ป.ท.คืนตำแหน่ง อ้างโดนปลดมิชอบ