- Home
- Isranews
- ตะกร้าข่าว
- องค์กรผู้บริโภคจี้รัฐคลอดกม.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค
องค์กรผู้บริโภคจี้รัฐคลอดกม.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค
องค์กรผู้บริโภคเสนอกรอบ รธน. ให้รัฐผ่านกม.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมยุติการจับกุมบุคคล-กลุ่ม-องค์กร ที่รณรงค์ปัญหาความเดือดร้อน
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2557 คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน และ สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค ในนามของตัวแทนองค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ร่วมแถลงข้อเสนอต่อการปฏิรูปประเทศ ณ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กรุงเทพฯ
น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค กล่าวว่า เครือข่ายผู้บริโภคได้จัดทำข้อเสนอรัฐธรรมนูญ และเรียกร้องให้รัฐบาลผ่านกฎหมายองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมเรียกร้องให้ยุติการจับกุมบุคคล กลุ่ม องค์กร ที่รณรงค์ปัญหาความเดือดร้อน เพราะเชื่อว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการยกร่างรัฐธรรมนูญและการปฏิรูปประเทศไทยในครั้งนี้ต่างต้องการให้รัฐธรรมนูญและการปฏิรูปได้รับการยอมรับจากสังคมและประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องสอดคล้องกับข้อเสนอของประชาชนและได้รับความร่วมมือจากประชาชน จึงต้องเปิดโอกาสให้บุคคล กลุ่ม องค์กร ต่างๆ สามารถเสนอความทุกและปัญหาต่างที่รอการปฏิรูปได้
ประธานสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค ยังกล่าวว่า การร่างรัฐธรรมนูญควรยึดหลักการ ‘สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม' โดยต้องลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน มีกลไกที่ดีในการตรวจสอบการเอาเปรียบผู้บริโภคและการคอรัปชัน และมีกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญที่รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและมีการจัดทำประชาพิจารณ์รวมถึงท้ายที่สุดต้องมีการลงประชามติ นอกจากนี้รัฐต้องรับรองสิทธิพลเมืองในฐานะผู้บริโภคให้ได้รับการคุ้มครองที่เทียบเท่าในระดับสากล ด้วยสิทธิผู้บริโภค 8 ประการ
ด้านนางสุภาพร ถิ่นวัฒนากูล กรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน กล่าวถึงข้อเสนอเชิงระบบต่อการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภคว่า 1.รัฐต้องสนับสนุนองค์กรผู้บริโภคให้มีส่วนร่วม ในการให้ข้อคิดเห็นต่อนโยบายและมาตรการที่มีผลกระทบต่อผู้บริโภค ติดตามตรวจสอบการคุ้มครองผู้บริโภค รวมทั้งทำหน้าที่ให้ข้อมูลและสนับสนุนผู้บริโภคให้เท่าทันในการดำเนินชีวิต
2.รัฐต้องให้ความสำคัญต่อสัดส่วนของตัวแทนผู้บริโภคอย่างน้อยครึ่งหนึ่งในโครงสร้างของคณะกรรมการทุกระดับที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้บริโภค
3.รัฐต้องมีการปรับปรุงมาตรการเชิงลงโทษผู้ประกอบการให้เข้มงวดมากขึ้น หรือเพิ่มมาตรการเยียวยาผู้เสียหายอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม
4.รัฐต้องพัฒนาโครงสร้างระบบความมั่นคงของประเทศ ทั้งด้านความมั่นคงทางยา และอาหาร
“รัฐต้องตระหนักถึง 'แนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ' ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐต้องให้ความสำคัญและต้องดำเนินการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการออกกฎหมายเพื่อคุ้มครองสิทธิพลเมืองในฐานะผู้บริโภค ได้แก่ พ.ร.บ.องค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค และก่อนการทำสัญญาที่มีผลผูกพันด้านการค้า การลงทุน หรือเป็นภาคี พันธสัญญาระหว่างประเทศ รัฐต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคม และวิถีชีวิต วัฒนธรรมของประเทศอย่างกว้างขวาง หรือมีผลผูกพันงบประมาณของประเทศอย่างมีนัยสําคัญ และต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา” นางสุภาพร กล่าว
ขณะที่ ภญ.ชโลม เกตุจินดา กรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน กล่าวเน้นย้ำถึงการเปิดพื้นที่ในการเสนอความเห็นทั้งบุคคล กลุ่ม องค์กร และสื่อมวลชน ได้อย่างอิสระและเปิดกว้าง พร้อมทั้งมีการเชื่อมโยงกัน
“สิ่งที่พี่น้องทำอยู่ไม่ได้รบกวนบรรยากาศการปฏิรูป ฉะนั้นตั้งแต่การจับกุมที่พื้นที่ภาคใต้ การเคลื่อนไหวเรื่องพลังงานต่าง ๆ และล่าสุดคือการจับกุมน้อง ๆ มข. ก็คิดว่าจะมีการจับกุมกลุ่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้น จึงอยากให้ยกเลิกการจับกุมกลุ่มบุคคลที่เรียกร้องเรื่องปัญหาความเดือดร้อน ซึ่งปัญหาความเดือดร้อนนั้นสะท้อนให้เห็นว่ามันเกิดจากกระบวนการอะไรก็แล้วแต่ที่มันสะสมมานาน อยากให้เปิดพื้นที่นี้ให้มีความชัดเจนมากขึ้น
กระทั่งทำให้สื่อมวลชนเองก็จะได้ทำงานสื่อสารข่าวสารของพวกเราได้อย่างอิสระ สื่อต้องทำให้ให้ข้างล่างและข้างบนสื่อสารเชื่อมต่อกันอย่างอิสระและเปิดกว้างจริงๆ การที่เราเน้นเรื่องนโยบายแห่งรัฐไม่ว่ารัฐจะมาจากไหนเราเชื่อว่าสิ่งนี้นั้นรัฐต้องดำเนินการให้เปิดกว้างอย่างแท้จริง” ภญ.ชโลมกล่าวทิ้งท้าย .