- Home
- Isranews
- ตะกร้าข่าว
- ดีเอสไอปัดแทรกแซงศาสนจักรรื้อคดี‘ธัมมชโย’ เหตุผ่าน 18 ปี มส. ไม่มีมติ
ดีเอสไอปัดแทรกแซงศาสนจักรรื้อคดี‘ธัมมชโย’ เหตุผ่าน 18 ปี มส. ไม่มีมติ
ดีเอสไอแจง ‘พระโสภณพุทธวิเทศ’ ปัดรื้อคดี ‘ธัมมชโย’ ปมนำเงินไปซื้อที่ดินเป็นชื่อตัวเองขึ้นมาทำใหม่ ลั่นไม่ได้แทรกแซงศาสนจักร แค่ถามความคืบหน้า มส. ตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราชฯ หลังผ่านไป 18 ปียังไม่มีมติ
จากกรณีพระโสภณพุทธวิเทศ (จิตติก์ ญาณชโย) เจ้าอาวาสพุทธาราม เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กพาดพิงถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรณีมีหนังสือแจ้งไปยังมหาเถรสมาคม (มส.) ให้รื้อฟื้นอธิกรณ์ที่คณะสงฆ์ได้วินิจฉัยไปแล้ว เพื่อใช้กฎนิคหกรรมปรับอาบัติปาราชิกพระเทพมหาญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ตามลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกว่า ได้ใช้อำนาจฝ่ายอาณาจักรแทรกแซงศาสนจักร และเข้าข่ายชักรพะสงฆือาบัติ ซึ่งเป็นอาบัติสังฆาทิเสส (อาบัติหนักที่ต้องอาศัยความอนุเคราะห์จากคณะสงฆืจึงออกจากอาบัติได้) ผิดหลักพระพุทธศาสนานั้น
ล่าสุด คณะโฆษกดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ข่าวดังกล่าวมีที่มาจากที่พระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือพระพุทธอิสระ ยื่นเรื่องให้ดีเอสไอตรวจสอบและดำเนินการเรื่องต่าง ๆ รวม 17 ประเด็น ซึ่งรวมถึงประเด็นร้องขอให้ตรวจสอบพฤติการณ์ของพระธัมมชโย และของเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ที่เกี่ยวข้อง ที่อาจกระทำผิดอาญา ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายและ พ.ร.บ.สงฆ์ อันมีสาระเกี่ยวกับประเด็นเมื่อประมาณปี 2542 พระราชภาวนาสิทธิ์ (สมณศักดิ์ขณะนั้น) หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดธรรมกาย ถูกกองปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สอสบสวนดำเนินคดีในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ หรือจัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หรือทุจริตต่อหน้าที่ และพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องในข้อหาดังกล่าวตกเป็นจำเลยต่อศาลอาญา ในประเด็นเกี่ยวกับการนำเงินของวัดพระธรรมกายไปซื้อที่ดินและโอนเป็นชื่อตนเอง
กรณีดังกล่าวมีการต่อสู้คดีในศาลเกือบ 7 ปี จนเมื่อวันที่ 22 ส.ค. 2549 ศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานอัยการถอนฟ้องคดีดังกล่าว ด้วยเหตุผลว่าได้มีการมอบที่ดินทั้งหมดให้แก่วัดพระธรรมกายแล้วซึ่งในทางอาญาในข้อหาดังกล่าวถือว่าคดีสิ้นสุดลงตามกฎหมาย แต่ได้มีพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกว่า พระธัมมชโย ต้องอาบัติปาราชิก แต่คณะผู้ปกครองสงฆ์ไม่ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย
คณะโฆษกดีเอสไอ กล่าวอีกว่า ทางการสืบสวนของดีเอสไอพบว่า ที่ประชุมมหาเถรสมาคม ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2542 และมีมติมอบเอกสารพระลิขิตให้เจ้าคณะภาค 1 พิจารณา ซึ่งพระลิขิตดังกล่าว มีการนำเสนอที่ประชุมมหาเถรสมาคมในการประชุมครั้งที่ 15/2542 เมื่อ 26 เม.ย. 2542 และครั้งที่ 16/2542 เมื่อ 10 พ.ค. 2542 โดยที่ประชุมได้มีมติสนองพระดำริให้ชอบด้วยกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม และนอกจากนั้นยังมีมติมหาเถรสมาคมครั้งที่ 193/2542 ที่ให้สนองพระดำริโดยตลอดให้ชอบด้วยกฏหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม อีกด้วย
ในประเด็นนี้ดีเอสไอ พิจารณาแล้วเห็นว่า ตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 (แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535) มาตรา 8 กำหนดให้สมเด็จพระสังฆราชทรงดำรงตำแหน่งสกลมหาสังฆปรินายก ทรงบัญชาการคณะสงฆ์ และทรงตราพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชโดยไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมาย พระธรรมวินัย และกฎมหาเถรสมาคม และในมาตรา 15 ตรี กำหนดให้มหาเถรสมาคม มีอำนาจหน้าที่ในการปกครองคณะสงฆ์ให้เป็นไปโดยเรียบร้อยดีงาม รักษาหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธศาสนา และมาตรา 13 กำหนดให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นเลขาธิการมหาเถรสมาคม โดยตำแหน่ง ซึ่งตามกฎหมาย สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติมีอำนาจหน้าที่ในการรับสนองงานตามบัญชาและพระกรณียกิจของพระสังฆราช รวมทั้งดำเนินการและประสานงานกับคณะสงฆ์ในการลงนิคหกรรมและตรวจตราถวายคำแนะนำแก่พระภิกษุ สามเณร ฯ
และเมื่อประกอบกับข้อเท็จจริงที่พบว่าที่ประชุมมหาเถรสมาคมมีเพียงมติรับทราบ โดยยังไม่ได้ตัดสินหรือรับรองว่า พระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ต้องอาบัติปาราชิกตามพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2542 หรือไม่ ประกอบกับมหาเถรสมาคมและผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.สงฆ์ ให้ครบถ้วนทุกประเด็น
ด้วยเหตุดังกล่าวดีเอสไอ จึงมีหนังสือแจ้งผลการสืบสวนและขอทราบความคืบหน้าในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว และจะได้แจ้งผลการดำเนินการให้ ผู้ร้องทราบ อันเป็นการดำเนินการตามกฎหมาย หาได้ใช้อำนาจฝ่ายอาณาจักรแทรกแซงศาสนจักร ดังที่เข้าใจไม่
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2559 ที่ผ่านมา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้เชิญเจ้าหน้าที่ดีเอสไอร่วมฟังการประชุมชี้แจงการพิจารณาดำเนินการทางวินัยสงฆ์ตามพระธรรมวินัยเกี่ยวกับประเด็นลิขิตสมเด็จพระสังฆราชในประเด็นการอาบัติปาราชิกของพระธัมมชโย และจะได้ชี้แจงผลการดำเนินการให้ดีเอสไอทราบเป็นหนังสือต่อไป
หมายเหตุ : ภาพประกอบพระธัมมชโย จาก sanook