บึ้มรือเสาะ "ผบ.ร้อย" พลีชีพ สมช.รับหัวรุนแรง 20% เมินหยุดยิง
ใต้ป่วนหนักหลังเจรจาบีอาร์เอ็น บึ้ม-ยิงถล่มซ้ำทหารชุดลาดตระเวนที่รือเสาะ นราธิวาส "ผบ.ร้อย" พลีชีพ ลูกน้องเจ็บ 14 สาหัส 2 ดักระเบิดรถปลัดอำเภอสุไหงปาดี เจ้าตัวรอดหวุดหวิด เลขาฯสมช.นำผลพูดคุยกลุ่มเห็นต่างจากรัฐนัดแรกเข้ารายงานนายกฯ ยังอ้ำอึ้งข้อเรียกร้องคืนความเป็นธรรมทางคดี แต่ยอมรับหมายจับจำนวนหนึ่งไม่มีหลักฐานเพียงพอ ผบ.ทบ.ฮึ่มยอมไม่ได้ปล่อยนักโทษคดีความมั่นคง
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่เพิ่งผ่านกระบวนการพูดคุยสันติภาพดับไฟใต้อย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างผู้แทนรัฐบาลไทย นำโดย พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กับผู้แทนกลุ่มเห็นต่างจากรัฐ นำโดย นายฮัสซัน ตอยิบ ที่อ้างว่าเป็นแกนนำขบวนการบีอาร์เอ็น ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้เพียงวันเดียว
เวลา 16.40 น.วันศุกร์ที่ 29 มี.ค.2556 เกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดทหารชุดลาดตระเวน สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 15123 (ร้อย ร.15123) หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 30 ที่บริเวณหมู่ 7 ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ขณะกำลังเดินทางไปตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยตามที่ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน
ทั้งนี้ ระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง ประกอบใส่ในถังแก๊ส น้ำหนักประมาณ 25 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยแบตเตอรี่ โดยคนร้ายลากสายไฟฟ้าเข้าไปในป่ารกทึบข้างทาง เมื่อรถยนต์ของทหารซึ่งเป็นรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์เงิน แล่นผ่าน คนร้ายได้กดจุดชนวนจนเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จากนั้นคนร้ายยังได้ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มซ้ำ จนเกิดการยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารนานหลายนาที ต่อมามีกำลังสนับสนุนจากกองร้อยทหารพรานที่ 4608 (ร้อย ทพ.4608) และยิงปะทะกันอีกครู่ใหญ่ คนร้ายจึงล่าถอยไป
เหตุระเบิดดังกล่าวทำให้เกิดหลุมลึก 1 เมตร กว้าง 2 เมตร และมีกำลังพลเสียชีวิต 1 นาย คือ ร.อ.ศิวัช ศรีอุปโย ผู้บังคับกองร้อยทหารราบที่ 15123 (ผบ.ร้อย ร.15123) นอกจากนั้นยังมีกำลังพลได้รับบาดเจ็บอีก 14 นาย ทราบชื่อคือ
1) จ.ส.อ.ณรงค์ ขวงพร
2) ส.อ.อนุชิต จิตรตะบุตร
3) ส.ท.ปริญญา กาญจนาเพ็ชร
4) ส.ท.ศิริภัทร์ เริงศักดิ์
5) พลทหาร ธนากร กมลยบุตร
6) พลทหารพีระศักดิ์ เต็มโคตร
7) ส.อ.มุสรีมาน ระเด่นมนตรี
8) ส.อ.อุดม ลาพิงค์
9) ส.อ.อนุชา กาจญนาเพ็ชร
10) ส.อ.ชาติชาย ใจสมบูรณ์
11) ส.อ.อนุวัฒน์ ชาญณรงค์
12) ส.อ.ชาญชัย พรหมสุวรรณ
13) ส.ท.สะไซดี ดีเย๊าะ
14) พลทหารนรินทร์ ถิ่นสุวรรณ
ทั้งนี้ พลทหารพีระศักดิ์ กับ จ.ส.อ.ณรงค์ อาการสาหัส โดยผู้บาดเจ็บรายชื่อที่ 1-6 ถูกส่งต่อไปรักษาตัวยังโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ อ.เมือง จ.นราธิวาส ที่เหลือพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลรือเสาะ
ดักบึ้มรถ "สวป.-ปลัดสุไหงปาดี" อส.เจ็บ
ก่อนหน้านั้นเวลา 15.20 น. ขณะที่ พ.ต.ท.โสภณ จันทรโชติ สารวัตรปราบปราม (สวป.) สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส และ นายณรงค์ชัย สกุลอ่อน ปลัดอำเภอสุไหงปาดี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย และอาสารักษาดินแดน (อส.) ประจำที่ว่าการอำเภอสุไหงปาดี จำนวน 8 นาย นั่งรถยนต์ 2 คันเพื่อเดินทางไปสนธิกำลังกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 ที่บ้านดอเฮะ หมู่ 3 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี เพื่อปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมาย หลังสืบทราบว่ามีกลุ่มผู้ไม่หวังดีแฝงตัวเข้าไปซ่อนตัวเพื่อรอก่อเหตุรุนแรงนั้น
ปรากฏว่าเมื่อเดินทางบ้านจือแร หมู่ 1 ต.ริโก๋ คนร้ายซึ่งแฝงตัวอยู่ในป่ารกทึบข้างทาง ได้ใช้โทรศัพท์มือถือกดจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ในกล่องเหล็ก น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม วางไว้โคนเสาไฟฟ้าริมทาง จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับรถยนต์ของนายณรงค์ชัยแล่นผ่านพอดี ทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย อส.อนันต์ กมล ซึ่งนั่งอยู่ในรถได้รับบาดเจ็บ ส่วนปลัดณรงค์ชัยรอดหวุดหวิด
ส่วนที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี คนร้าย 2 คนมีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด .38 ประกบยิง อส.อับดุลเลาะ เปาะโก๊ะ อายุ 42 ปี อส.ประจำ อ.ปะนาเระ ได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณหน้ามัสยิดบ้านน้ำบ่อ ต.น้ำบ่อ อ.ปะนาเระ ขณะที่ อส.อับดุลเลาะ กำลังจอดรถจักรยานยนต์เพื่อประกอบพิธีละหมาดวันศุกร์ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าทั้ง 3 เหตุการณ์เป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ
วางระเบิดปลอมลวง จนท.ก่อนบึ้มจริง
เวลา 08.40 น.วันเดียวกัน ขณะที่ ร.ต.ท.สุรัตน์ หมื่นไว รองสารวัตรปราบปราม (รอง สวป.) สภ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ได้นำกำลังจำนวน 8 นายนั่งรถออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ โดยใช้เส้นทางถนนเพชรเกษม (นราธิวาส-ปัตตานี) อยู่นั้น
เมื่อถึงบ้านกำปงปีแซ หมู่ 3 ต.ลูโบ๊ะบือซา บริเวณเชิงสะพานบ้านกำปงปีแซ ได้พบกล่องต้องสงสัยวางอยู่ มีป้ายผ้าสีขาวผูกติดไว้บนกิ่งไม้ เขียนข้อความเป็นภาษาไทยด้วยสีเขียวสะท้อนแสงว่า "สันติสุขเกิดขึ้นได้ ฟาฏอนีได้เอกราช" เจ้าหน้าที่จึงปิดกั้นพื้นที่ และใช้ปืนยิงทำลาย พบว่าเป็นระเบิดปลอม จังหวะนั้นเองคนร้ายได้ใช้วิทยุสื่อสารกดจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ประกอบใส่ในถังแก๊ส น้ำหนักประมาณ 25 กิโลกรัม ฝังไว้ใต้เนินดินฝั่งตรงข้าม จนเกิดระเบิดขึ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหว โชคดีที่ไม่มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นแผนลวงของคนร้ายเพื่อดักสังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจ
เอ็ม 79 ถล่มที่ว่าการอำเภอระแงะพลาดเป้า
ก่อนหน้านั้น เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 28 มี.ค. ต่อเนื่องวันที่ 29 มี.ค. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้เครื่องยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 ยิงใส่ที่ว่าการอำเภอระแงะ จ.นราธิวาส จำนวน 2 ลูกซ้อน แต่พลาดเป้าไปถูกกิ่งต้นหูกวางที่ปลูกไว้บริเวณข้างศูนย์คัดแยกผลไม้ฝั่งตรงข้ามประตูด้านข้างของอาคารที่ว่าการอำเภอ ทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ และอาคารไม่ได้รับความเสียหาย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบเช่นกัน
เวลาประมาณ 21.10 น.วันที่ 28 มี.ค. คนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดกราดยิงใส่ฐานปฏิบัติการทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4113 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ตั้งอยู่ในโรงรมควันยางพาราเก่า ริมถนนสายรามัน – กะพ้อ ท้องที่หมู่ 3 บ้านตาเน๊าะปูโย๊ะ ต.เกะรอ อ.รามัน จ.ยะลา ทำให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายในฐานใช้อาวุธปืนประจำกายยิงตอบโต้จนเกิดการปะทะกันประมาณ 5 นาที ก่อนที่คนร้ายจะล่าถอยไป โดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ
นักวิชาการเตือนบึ้มไม่หยุดเสี่ยงสันติภาพล่ม
อนึ่ง เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ซึ่งเป็นวันพูดคุยสันติภาพอย่างเป็นทางการนัดแรกระหว่างผู้แทนรัฐบาลไทยกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐขบวนการบีอาร์เอ็นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ได้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นหลายเหตุการณ์ โดยเฉพาะเหตุลอบวางระเบิดทหารพรานที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 3 นาย บาดเจ็บอีก 5 นาย แค่ 2 วันมีกำลังพลเสียชีวิตไปแล้ว 4 นาย บาดเจ็บอีกราว 20 นาย (รวม อส.)
นายศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) ซึ่งร่วมอยู่ในคณะพูดคุยสันติภาพกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับกระบวนการพูดคุย และสนับสนุนให้เปิดเผยต่อสาธารณะเพื่อความโปร่งใส แต่กระบวนการสันติภาพก็มีความเสี่ยงที่ความอดทนของประชาชน เพราะหากสังคมไทยรู้สึกว่าการเจรจาไม่ได้นำไปสู่การลดเหตุการณ์ความรุนแรงอย่างแท้จริง และเกิดหมดความอดทนขึ้นมา เวทีเจรจาสันติภาพก็จะขาดแรงสนับสนุน และไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ฉะนั้นจึงอยากให้รัฐบาลเผยแพร่ข้อมูลการพูดคุยเจรจาทั้งหมด เพื่อนำไปสู่การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง
"ภราดร"ชี้หมายจับกลุ่มป่วนใต้มีปัญหา
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.ภราดร ได้นำคณะที่ร่วมเดินทางไปพูดคุยกับแกนนำผู้เห็นต่างจากรัฐเข้ารายงานผลการพูดคุยต่อ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
พล.ท.ภราดร ตอบข้อถามของผู้สื่อข่าวภายหลังเข้าพบนายกฯ ถึงเรื่องการอำนวยความยุติธรรมตามที่ฝ่ายขบวนการบีอาร์เอ็นเรียกร้อง จะมีรูปแบบอย่างไร โดยบอกว่าต้องยอมรับว่ากระบวนการออกหมายจับบางคดีค่อนข้างมีปัญหา และคดีที่ออกหมายจับก็มีหลากหลาย บางคนถูกหมายตามประมวลฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) บางคนถูกหมาย ฉฉ. ที่ออกตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ) หรือพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.2551 (พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ) จึงต้องมาตกผลึกและแยกแยะกัน ซึ่งต้องใช้เวลา
ยอมรับหัวรุนแรง 20% ไม่เอาสันติภาพ
ส่วนข่าวที่ว่ามีการยื่นเงื่อนไขให้เคลียร์หมายจับ 3 หมื่นคนนั้น พล.ท.ภราดร กล่าวว่า ไม่ทราบว่าข่าวออกมาได้อย่างไร เพราะประชุมจบก็มีข่าวนี้ทันที แต่ไม่ได้เป็นการสื่อสารจากบนโต๊ะพูดคุย และความจริงตัวเลขคนที่ถูกออกหมายจับทุกประเภทก็มีเพียงหลักพัน ไม่ใช่หลักหมื่นตามที่เป็นข่าว
ต่อข้อถามถึงความรุนแรงที่ยังคงเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการพูดคุยสันติภาพ เลขาธิการ สมช.กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งเป็นพวกหัวรุนแรงที่ยังไม่ยอมรับการพูดคุย ซึ่งมีประมาณ 20% ที่ยังค่อนข้างแข็งแรง แต่ผู้แทนที่มาพูดคุย (กลุ่มนายฮัสซัน ตอยิบ) ถือเป็นเสียงส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่เสียงเอกฉันท์ จึงยังมีส่วนหนึ่งที่เห็นต่างอยู่ แต่ก็ได้รับการยืนยันว่าจะกลับไปทำความเข้าใจให้
ผบ.ทบ.ไม่เอาด้วยปล่อยตัวนักโทษคดีมั่นคง
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงเหตุระเบิดที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ทำให้ ผบ.ร้อย เสียชีวิตว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ ยอมรับว่าเหตุที่เกิดขึ้นยากต่อการควบคุม ในเบื้องต้นนายกฯได้สั่งให้มีการปรับการทำงานว่าจะทำอย่างไรเพื่อลดเหตุความรุนแรงในพื้นที่ให้มากที่สุด แต่จะอย่างไรทหารก็ต้องทำหน้าที่ต่อไป
ส่วนที่มีข่าวแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นเสนอให้ปล่อยตัวนักโทษคดีความมั่นคงเพื่อแลกกับการลดเหตุรุนแรงนั้น ผบ.ทบ.กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ และไม่คิดจะทำ เบื้องต้นต้องมีการพูดคุยหารือกันอีกครั้ง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 สภาพรถยนต์ของทหาร สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 15123 (ร้อย ร.15123) ที่ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ทำให้ ผบ.ร้อย เสียชีวิต (ภาพโดย ปทิตตา หนูสันทัด)
2 ฐานปฏิบัติการทหารพราน กองร้อยทหารพรานที่ 4113 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ที่ถูกคนร้ายกราดยิงใส่ (ภาพโดย อะหมัด รามันห์สิริวงศ์)
ขอบคุณ : ข่าวบางส่วนจากสำนักข่าวเนชั่น และข่าว พล.อ.ประยุทธ์ โดย ปัญญา ทิ้วสังวาลย์ หนังสือพิมพ์คมชัดลึก