การประชุมเชิงปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้แบบบูรณาการตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นเจ้าภาพเมื่อวันที่ 18-19 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อระดมความเห็นเกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรบริหารใหม่แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ผ่านพ้นไปเรียบร้อยแล้ว แต่บางมิติของการประชุมยังมีความน่าสนใจและสมควรบันทึกเอาไว้
ตำรวจยอมปล่อย "นิเซ๊ะ นิฮะ" ปัญญาชนมุสลิมที่ถูกจับและควบคุมตัวโดยใช้อำนาจตามกฎหมายพิเศษทั้งๆ ที่ไม่มีการตั้งข้อหาแล้ว ชี้ชิงปล่อยตัดหน้าก่อนศาลนัดไต่สวนเพียง 1 วัน "ศูนย์ทนายมุสลิม" ตั้งโต๊ะแถลงจี้รัฐเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯชายแดนใต้ เหตุสถิติชี้ชัดชาวบ้านร้องเรียนกว่า 2 พันเรื่อง โวยถูกซ้อมทรมานเกือบ 300 กรณี สู้คดีบนศาล 122 คดี ศาลยกฟ้องกว่า 70% วอนฝ่ายความมั่นคงเลิกอ้างใช้เพื่อป้องกันเหตุร้าย ให้กล ...
องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) องค์กรเอกชนที่เคลื่อนไหวรณรงค์ต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชนทั่วโลก ได้เผยแพร่รายงานชิ้นใหม่เมื่อสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา เรียกร้องให้ผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยหยุดทำร้ายพลเรือนผู้บริสุทธิ์โดยทันที ขณะเดียวกันก็เร่งรัดให้รัฐบาลไทยแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย
ราชดำเนินเสวนาถกนโยบายดับไฟใต้ "ถาวร เสนเนียม" ถล่มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ตั้ง "ศบ.กช." ซ้ำซ้อน ตอบโจทย์ไม่ได้ ชูโครงสร้าง ศอ.บต.บูรณาการทุกหน่วยงานอยู่แล้ว ศักยภาพยิ่งกว่า "เขตปกครองพิเศษ" ขณะที่ "วิรุฬ ฟื้นแสน" แจงเหตุต้องปรับองค์กรใหม่เพราะ กอ.รมน.ไม่ยืดหยุ่น ไร้เอกภาพในการประสานหน่วยในพื้นที่ ด้านเอ็นจีโอหนุนรัฐบาลเพื่อไทยลุย "เจรจาสันติภาพ-กระจายอำนาจ" อดีตบิ๊กหน่วยข่าวเตือนโอไอซีจ่อเปลี่ยนนโยบายหย ...
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีความเห็นทางกฎหมายชี้ขาดประเด็นการประชุมคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยเมื่อปลายปีที่แล้ว ที่ให้โละกรรมการยกชุดรวมทั้ง นายพิเชษฐ สถิรชวาล เลขาธิการฯในขณะนั้น หลังจากนายพิเชษฐได้ทำเรื่องร้องเรียนต่อกระทรวงมหาดไทยว่ามติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้กระทรวงมหาดไทยส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ
มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม และมูลนิธิผสานวัฒนธรรม สององค์กรที่ทำงานด้านให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายและสิทธิมนุษยชนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำหนังสือถึงรัฐบาลเรียกร้องให้พิจารณาทบทวนการขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ ซึ่งอาศัยอำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ออกไปอีก
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งหนึ่งที่เคียงคู่มากับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้จนแทบจะแยกกันไม่ออกก็คือ การใช้ “กฎหมายพิเศษ” นานาชนิดของฝ่ายความมั่นคงที่มีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเป็น “หัวหอก”
อำนาจการสั่งย้ายข้าราชการออกจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. มีข้อยุติแล้ว หลังจากเกิดปัญหาหน่วยงานต้นสังกัดของข้าราชการตำรวจไม่ยอมออกคำสั่งโยกย้ายข้าราชการตามคำสั่งของเลขาธิการ ศอ.บต.
หลังจากพรรคเพื่อไทยพ่ายเลือกตั้งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อีกทั้งในวันแถลงนโยบาย 23-24 ส.ค.ที่ผ่านมา แกนนำของพรรคอย่าง นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ยังปฏิเสธการเดินหน้านโยบายจัดตั้งองค์กรปกครองท้องถิ่นแบบพิเศษที่เรียกว่า “นครปัตตานี” ตามที่เคยหาเสียงเอาไว้ด้วย ทำให้เครือข่ายภาคประชาสังคมในพื้นที่ซึ่งเรียกร้องรณรงค์ในเรื่องนี้ ออกมาเคลื่อนไหวทวงสัญญา
องค์กรภาคประชาสังคมชายแดนใต้ 20 องค์กรร่วมประชุมและแถลงข่าวการจัดตั้ง “สภาประชาสังคมชายแดนใต้” หรือ Dewan Masyarakat Madani Selatan Thai หรือที่มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Civil Society Council of Southernmost Thailand เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่โรงแรมซี.เอส.ปัตตานี อ.เมืองปัตตานี