สกว.ทุ่มงบฯวิจัยลดภัยพิบัติแผ่นดินไหว พบการออกแบบอาคารราชการมีปัญหา
กรมทรัพย์ฯ เล็งติดตั้งสถานีวัดคลื่นแผ่นดินไหว 60 แห่ง หวังป้องกันและรองรับแรงสั่นสะเทือน ด้าน สกว.ทุ่มงบกว่า 39 ล้าน ศึกษา เตรียมรับมือแผ่นดินไหว
วันที่ 20 พฤศจิกายน 2557 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ร่วมกับกรมทรัพยากรธรณี วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และสมาคมธรณีวิทยาแห่งประเทศไทย จัดประชุมสัมมนาเรื่อง “บทเรียนแผ่นดินไหวแม่ลาว เชียงราย ภัยพิบัติใกล้ตัว” ณ โรงแรมเดอะ สุโกศล ถนนศรีอยุธยา กรุงเทพฯ
ศ.นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการ สกว. กล่าวถึงสถานการณ์ทางภัยพิบัติที่ประเทศไทยกำลังเผชิญในปัจจุบันว่า ไทยกำลังเผชิญกับเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงบ่อยครั้งขึ้น และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศมากขึ้นตามลำดับ ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นมีความเชื่อมโยงกับมิติการพัฒนาและประเด็นปัญหาอื่นของประเทศ เช่น ความยากจน ความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การบริหารจัดการเพื่อป้องกัน และบรรเทาภัยพิบัติ
ผู้อำนวยการ สกว. กล่าวถึงภัยพิบัติถือว่าเป็นประเด็นท้าทายที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยที่ผ่านมา สกว.ได้สนับสนุนการศึกษาวิจัยลดภัยพิบัติแผ่นดินไหวตั้งแต่ปี 2545 งบประมาณรวมกว่า 39 ล้านบาท เพื่อเป็นการเตรียมการเชิงรุกด้านการป้องกันและบรรเทาภัยพิบัติแผ่นดินไหว ให้สังคมเกิดความตระหนักต่อภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว และเตรียมพร้อมรับมืออย่างรู้เท่าทัน
"กรณีแผ่นดินไหวที่ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย เป็นเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งสำคัญที่มีความรุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่ง สร้างความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือน ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และชี้ให้เห็นข้อจำกัดหลายประการของการจัดการภัยพิบัติในประเทศไทย โดยเฉพาะมาตรฐานความปลอดภัยของสิ่งก่อสร้าง"
ขณะที่นายวรศาสน์ อภัยพศ์ รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี กล่าวว่า ในอนาคตจะติดตั้งสถานีวัดคลื่นแผ่นดินไหวให้ครอบคลุม 60 สถานี ทั้งนี้จากการศึกษากลุ่มรอยเลื่อนมีพลัง 14 กลุ่มของไทย ได้วางแผนก่อสร้างสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวในพื้นที่เหล่านี้ คาดจะแล้วเสร็จในปี 2559 เพื่อแจ้งเตือนเหตุการณ์ในทันทีที่เกิดเหตุ
ด้าน ศ. ดร.เป็นหนึ่ง วานิชชัย หัวหน้าโครงการลดภัยพิบัติแผ่นดินไหวในประเทศ สกว. สังกัดสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย กล่าวว่า สถานการณ์แผ่นดินไหวที่แม่ลาวเกิดจากรอยเลื่อนแม่ลาว ไม่ใช่รอยเลื่อนใหม่ ในอนาคตเราบอกไม่ได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวอีกเมื่อใดและที่ใด แต่ประชาชนจำเป็นต้องตระหนักเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ต้องเตรียมพร้อมรับมือเสมอ
ด้าน ศ.เกียรติคุณ ปณิธาน ลักคุณะประสิทธิ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงภาพรวมของแผ่นดินไหวของประเทศ งานวิจัยวิศวกรรมแผ่นดินไหวในประเทศ และสรุปบทเรียนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวของประเทศว่า แผ่นดินไหว จ.เชียงราย ทำให้เรามองเห็นความแตกร้าวของเสาอาคารที่ทำให้พบว่า การออกแบบอาคารของราชการมีปัญหา และก่อให้เกิดการผลักดันมาตรการในการรองรับแผ่นดินไหว คือ กฎกระทรงฉบับที่ 49 ซึ่งออกมาตรฐานการออกแบบอาคารต้านแผ่นดินไหวใน 10 จังหวัดที่อยู่ใกล้รอยเลื่อนตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 โดยในปีนั้นได้สร้างทีมวิจัยเรื่อง “แผ่นดินไหว” เพื่อศึกษาผลกระทบของแผ่นดินไหวต่อกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางจุฬาฯ ได้เสนอไปยังคณะกรรมการควบคุมอาคาร รวมถึงกรุงเทพมหานคร และอีก 4 จังหวัดที่มีดินอ่อนว่า ต้องมีการออกแบบอาคารที่มีการต้านแผ่นดินไหว รวมถึงวัด และโรงเรียนต่าง ๆ ที่มิได้ออกแบบอาคารเพื่อต้านทานแผ่นดินไหว อาคารชาวบ้าน 1-3 ชั้น ที่มีใต้ถุนโล่ง เสามีขนาดเล็ก และไม่ได้มาตรฐาน
"แม้แผ่นดินไหวที่แม่ลาวจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างบทเรียนอันยิ่งใหญ่ที่ทำให้เราค้นคิดแนวทางในการแก้ไขและป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดในครั้งต่อไป"