วิกฤตประเทศไทยครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก เพราะรวมวิกฤตทุกชนิดเข้าด้วยกัน ทั้งสังคม เศรษฐกิจ โควิด และการเมือง เป็นวิกฤตความซับซ้อน (Complexity crisis) ไม่มีใครแก้ได้ ยิ่งแตกแยก แบ่งข้างแบ่งขั้ว ยิ่งแก้ไม่ได้
..................
ยามสงครามคนในชาติไม่ทะเลาะกัน
สงครามโรคโควิด ใหญ่กว่าสงครามโลกที่เคยมีมาทั้งหมด “อะมีบ้า” เป็นสัตว์เซลล์เดียวที่ตามปรกติมันก็อยู่แยกๆ กัน แต่ในสภาวะวิกฤตมันจะกระจุกตัวเป็นก้อน เพราะมันทราบว่าถ้ากระจุกตัวเป็นก้อนและช่วยกันทำหน้าที่ มันเผชิญสภาวะวิกฤตได้ดีกว่า
ผมคิดว่าเราไม่มีทางเลือกอย่างอื่น นอกจากเลียนแบบธรรมชาติของอะมีบ้า อย่าลืมว่าธรรมชาติเป็นครูที่ดีที่สุด คนไทยต้องกระจุกตัว ก้าวข้ามความแตกแยกทุกประเภท
เราคิดแบบแยกข้างแยกขั้วเสียจนเคยชิน การเมืองแบบแยกข้างแยกขั้วไม่มีกำลังที่จะแก้วิกฤติชาติ
ถ้าสมาชิกรัฐสภาทั้ง สส. สว. รวมกัน ๗๓๗ คน ทำตัวแบบอะมีบ้า คือ กระจุกตัวกันเป็นหนึ่ง สามารถแก้วิกฤตการเมืองและวิกฤตอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็ว
ถ้าสมาชิกรัฐสภารวมตัวกันเป็นหนึ่ง จะแก้กฎหมายหรือบัญญัติกฎหมายใหม่อะไรก็ได้ภายในวันเดียว ยามวิกฤตต้องก้าวข้ามรูปแบบและพิธีกรรมต่างๆ อันไร้สาระและใช้เวลามาก เข้าสู่สาระโดยรวดเร็ว
ถ้าสมาชิกรัฐสภารวมตัวกันเป็นหนึ่ง และศึกษาวิธีขับเคลื่อนระบบนโยบายครบวงจร ๑๒ ขั้นตอนสู่ความสำเร็จ ที่เรียกว่าสัมฤทธิศาสตร์ ก็สามารถขับเคลื่อนนโยบายดีๆ ทุกชนิดไปสู่ความสำเร็จ ไม่มีอะไรที่จะไม่สำเร็จ ต่อให้ยากเพียงใดก็ตาม เมื่อนโยบายใหญ่ๆ ดีๆ ทำได้สำเร็จ บ้านเมืองก็พ้นวิกฤต และเจริญอย่างรวดเร็ว
ลองสำรวจทางเลือกต่างๆ ไม่มีเลยที่มีหวังจะฝ่าวิกฤตใหญ่ไปได้ นอกจากสมาชิกรัฐสภารวมตัวเป็นหนึ่ง แล้วใช้วิชาสัมฤทธิศาสตร์ นำบ้านเมืองไปสู่สัมฤทธิ์ผล ที่ทั้งถูกกฎหมายด้วย ทั้งเป็นประชาธิปไตยด้วย ทั้งได้ผลด้วย
ทางเลือกอื่นที่ไม่ถูกกฎหมาย ไม่เป็นประชาธิปไตย สุ่มเสี่ยงต่อการไม่ได้ผล และนำบ้านเมืองเข้าไปสู่ความยุ่งยากมากขึ้น ดังที่เกิดมาแล้วซ้ำๆ ซากๆ ประเทศไทยไม่มีเวลาที่จะทำผิดอีกต่อไปแล้ว