"...แต่คอร์รัปชันเป็นเรื่องสมประโยชน์กัน การหาพยานหลักฐานมาชี้ชัดตามข้อกฎหมายจึงยากและอันตราย ครั้นรอให้โกงสำเร็จก็แปลว่า ได้เกิดความเสียหายกับบ้านเมืองและประชาชนแล้ว ดังบทเรียนจากคดีทุจริตยา คดีคลองด่าน คดีบ้านเอื้ออาทร คดีฟุตซอล และอีกหลายคดีที่ค้างคาในศาลและ ป.ป.ช...."
......................................
โครงการเหล่านี้ “คอร์รัปชันเชิงนโยบาย” ใช่หรือไม่
1. การประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม
2. รัฐออกกติกาใหม่ให้ใช้ที่ดิน ส.ป.ก. เพื่อกิจการอื่นที่มิใช่การเกษตร ตามที่สื่อมวลชนเรียกว่ามาตรการ “ส.ป.ก. ทองคำ”
3. ผูกขาดสายสัญญาณสื่อสารจากการขุดท่อร้อยสายลงใต้ดินใน กทม.
4. ผูกขาดร้านดิวตี้ฟรี
5. กสทช. ต้องชดใช้เงินให้ อสมท. และเอกชน 3.2 พันล้านบาท
ผมตอบนักศึกษาปริญญาเอกที่มาปรึกษาหัวข้อทำดุษฎีนิพนธ์ว่า ทั้ง 5 กรณีนี้มีพฤติกรรมที่เรียกว่า “คอร์รัปชันเชิงนโยบาย” ครบถ้วนตามหลักการ
แต่คอร์รัปชันเป็นเรื่องสมประโยชน์กัน การหาพยานหลักฐานมาชี้ชัดตามข้อกฎหมายจึงยากและอันตราย ครั้นรอให้โกงสำเร็จก็แปลว่า ได้เกิดความเสียหายกับบ้านเมืองและประชาชนแล้ว ดังบทเรียนจากคดีทุจริตยา คดีคลองด่าน คดีบ้านเอื้ออาทร คดีฟุตซอล และอีกหลายคดีที่ค้างคาในศาลและ ป.ป.ช.
ดังนั้นการศึกษาประเด็นเหล่านี้ให้เกิดองค์ความรู้ ผมจึงชื่นชมมากและพร้อมสนับสนุนให้นักศึกษาท่านนี้ทำงานสำเร็จครับ
มานะ นิมิตรมงคล
เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)