"...เมื่อรวมกับระบบบัตร 2 ใบ 400 : 100 คู่ขนาน แถมด้วยกฎคะแนนขั้นต่ำ 1 % และกฎต้องส่งส.ส.เขตอย่างน้อย 100 เขตจึงจะส่งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อได้ ที่ผมสรุปไปในโพสต์ก่อนว่าเป็นระบบ ‘สมนาคุณพรรคใหญ่’ แล้วนั้น ใช่หรือไม่ว่าการเมืองก็จะยิ่งเป็นเรื่องของเงิน ?..."
.........
หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ประสบความสำเร็จตามเป้าประสงค์ จะไม่ใช่แค่เปลี่ยนระบบเลือกตั้งเท่านั้น แต่หลักการสำคัญที่เกิดขึ้นเพื่อการปฏิรูประบบพรคการเมืองในรัฐธรรมนูญ 2560 โดยให้ประชาชนในฐานะสมาชิกพรรคการเมืองมีส่วนร่วมในการพิจารณาผู้สมัครส.ส.จะหายไปใน 2 ลักษณะ
ในส่วนของส.ส.เขต - ระบบไพรมารี่โหวตจะหายไป (จากการแก้ไขมาตรา 45)
ในส่วนของส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ - การให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมโดยต้องคำนึงถึงผู้สมัครจากภูมิภาคต่าง ๆ และความเท่าเทียมระหว่างชายและหญิงก็จะหายไป (จากการแก้ไขมาตรา 90)
เมื่อรวมกับระบบบัตร 2 ใบ 400 : 100 คู่ขนาน แถมด้วยกฎคะแนนขั้นต่ำ 1 % และกฎต้องส่งส.ส.เขตอย่างน้อย 100 เขตจึงจะส่งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อได้ ที่ผมสรุปไปในโพสต์ก่อนว่าเป็นระบบ ‘สมนาคุณพรรคใหญ่’ แล้วนั้น ใช่หรือไม่ว่าการเมืองก็จะยิ่งเป็นเรื่องของเงิน ? ใช่หรือไม่ว่ากลุ่มทุนของพรรคก็จะยิ่งไร้อุปสรรคในการกำหนดทิศทางของพรรค ? และใช่หรือไม่ว่าประชาชนในฐานะสมาชิกพรรคการเมืองก็จะไร้บทบาทจับต้องได้เหมือนเดิม ?
ร่างฯของพรรคการใหญ่ 2 พรรคต่างขั้วอำนาจคิดเหมือนกันในหลักการที่ว่ามานี้
เพียงแต่มีรูปแบบการเขียนแก้ไขต่างกันเท่านั้น
เฉพาะร่างของพรรคการเมืองใหญ่ขั้วหนึ่งนั้น เขียนกำกับไว้เลยในการแก้ไขเพิ่มเติมหมวดสิทธิเสรีภาพของประชาชนว่าในการให้สมาชิกพรรคมีส่วนร่วมในกิจกรรมของพรรคการเมืองนั้น...
“...จะต้องไม่มีบทบัญญัติใดที่ทำให้เกิดภาระแก่พรรคการเมืองเกินความจำเป็น”
ขอย้ำคำว่า ‘ภาระ’ ในบทกำกับนี้ครับ !
ถ้าผ่านวาระ 1 ก็ต้องไปพิจารณาปรับแก้กันในวาระที่ 2 ชั้นกรรมาธิการวิสามัญต่อไปว่าจะเอากันอย่างนี้จริง ๆ หรือ
คำนูณ สิทธิสมาน
สมาชิกวุฒิสภา
22 มิ.ย. 2564
https://www.facebook.com/100001018909881/posts/4085121764865080/