เอสซีจี เตรียมเสริมแกร่งดัน เอสซีจี เคมิคอลส์ สู่ระดับโลกหลังบอร์ดอนุมัติแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)
กรุงเทพฯ : 27 มกราคม 2565 – เอสซีจี ประกาศแผนติดปีกเอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) สู่ World Class Company โดยคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติแผนการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของเอสซีจี เคมิคอลส์ ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ไม่เกินร้อยละ 25.2 ของทุนชำระแล้วของเอสซีจี เคมิคอลส์ โดยคาดว่าจะจัดสรรหุ้น IPO ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ (Pre-emptive Right) ไม่เกินร้อยละ 15 ของหุ้น IPO ทั้งหมด ทั้งนี้ เพื่อระดมทุนเดินหน้าขยายธุรกิจศักยภาพสูง สร้างความเติบโตอย่างต่อเนื่องในภูมิภาคอาเซียน ตอบโจทย์ตลาดโลก
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปิดเผยว่า “เอสซีจี มีกลยุทธ์มุ่งส่งเสริมการดำเนินงานของทุกธุรกิจให้เจริญก้าวหน้า และเติบโตอย่างยั่งยืนตามแนวทาง ESG (Environmental, Social and Governance) ด้วยการเร่งทรานส์ฟอร์มอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรับมือกับความท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตอบสนองความต้องการใหม่ของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ทันท่วงที พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียน ด้วยการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) ดังเช่น SCGP ที่ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2563 ที่ผ่านมา เพื่อรองรับแผนงานการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคต และรักษาความเป็นผู้นำด้าน
โซลูชันบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน โดยปัจจุบัน SCGP เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มีรายได้จากการขาย 124,223 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 39 เมื่อเทียบกับปี 2562 ก่อนที่จะมีการทำ IPO ขณะที่ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มุ่งยกระดับเป็น Green Construction และเป็นผู้นำนวัตกรรมโซลูชัน สินค้า บริการ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
สำหรับ เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) เป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่มีความแข็งแกร่งและมีศักยภาพสูง โดยในปี 2564 มีรายได้จากการขาย คิดเป็นร้อยละ 45 และมีกำไร คิดเป็นร้อยละ 61 ของเอสซีจี โดยเอสซีจี เคมิคอลส์ เป็นผู้นำในธุรกิจปิโตรเคมีแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน ครอบคลุมตั้งแต่ปิโตรเคมีขั้นต้นจนถึงขั้นปลาย โดยที่ผ่านมาธุรกิจได้ขยายการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง นอกจากการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งในประเทศไทยแล้ว เอสซีจี เคมิคอลส์ ได้ลงทุนพัฒนาโครงการ Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) ซึ่งเป็นโครงการปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกในประเทศเวียดนาม ตั้งอยู่ทางตอนใต้ห่างจากนครโฮจิมินห์เพียง 100 กิโลเมตร ซึ่งมีความคืบหน้าตามแผน โดยปัจจุบัน โครงการ LSP ก่อสร้างแล้วเสร็จร้อยละ 91 และคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในประมาณครึ่งแรกของปี 2566 รวมทั้งอยู่ระหว่างการศึกษาการขยายโครงการ LSP2 เนื่องจากมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานในการขยายโรงงานอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถรองรับความต้องการสินค้าปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้น จากการขยายตัวของเศรษฐกิจ รวมถึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่สูงอีกด้วย (Foreign Direct Investment - FDI)
ขณะเดียวกันเอสซีจี เคมิคอลส์ ยังเป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ 30 ใน PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) ผู้ผลิตปิโตรเคมีครบวงจรรายเดียวในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน มีประชากรมากถึง 270 ล้านคน และเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการมีฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งใน 3 ประเทศดังกล่าว ซึ่งครอบคลุมกว่า 2 ใน 3 ของ GDP และประชากรในภูมิภาคอาเซียน สะท้อนถึงความเป็นผู้นำในธุรกิจปิโตรเคมีและพร้อมที่จะเติบโตในอนาคต
ดังนั้น เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถร่วมลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต และให้เอสซีจี เคมิคอลส์ สามารถระดมทุนเพื่อมาใช้ขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศได้ด้วยตัวเอง รองรับโอกาสในอนาคต ทั้งการพัฒนานวัตกรรมสินค้าและโซลูชันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) รวมถึงสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม(High Value Added Products and Services – HVA) รองรับเมกะเทรนด์ คณะกรรมการบริษัทฯ จึงได้อนุมัติแผนการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของเอสซีจี เคมิคอลส์ ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ไม่เกินร้อยละ 25.2 ของทุนชำระแล้วของเอสซีจี เคมิคอลส์ โดยคาดว่าจะจัดสรรหุ้น IPO ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ (Pre-emptive Right) ไม่เกินร้อยละ 15 ของจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมด โดยที่ภายหลังการทำ IPO เอสซีจีจะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และเป็นผู้มีอำนาจควบคุม เอสซีจี เคมิคอลส์ ที่จะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของเอสซีจีเช่นเดิม ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวนับว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้ผู้ถือหุ้นของเอสซีจี ได้รับประโยชน์จากผลการดำเนินงานของเอสซีจี เคมิคอลส์ ที่มีโอกาสสร้างมูลค่าการเติบโตในอนาคตได้ดียิ่งขึ้นด้วย ทั้งนี้ การทำ IPO จะต้องยื่นร่างแบบคำขออนุญาต และได้รับอนุมัติคำขอจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ก่อนการดำเนินการ” นายรุ่งโรจน์ กล่าว
งบการเงินรวมก่อนตรวจสอบ ประจำปี 2564 เอสซีจี เคมิคอลส์ มีรายได้จากการขาย 238,390 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 62 จากปีก่อน สาเหตุจากราคาขายและปริมาณขายสินค้าที่สูงขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทอ่อนค่าลง โดยมีกำไรสำหรับปี 28,931 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 64 จากปีก่อน
สำหรับสินทรัพย์รวมของเอสซีจี เคมิคอลส์ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีมูลค่า 377,174 ล้านบาท โดยร้อยละ 52 เป็นสินทรัพย์ในภูมิภาคอาเซียน