"...ในคำพิพากษาระบุว่า ให้นายบรรเจิด สอพิมาย หรือบุคคลที่ถือครองแทน ที่ดิน, ห้องชุดในโครงการคุรุธานี ไพรวซี่ และสิ่งปลูกสร้าง (หอพักศิลา) ..ส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินดังกล่าวพร้อมกับให้โอนกรรมสิทธิ์พร้อมดอกผลแก่แผ่นดินโดยกระทรวงการคลัง หากไม่โอนให้ถือเอาคำสั่งศาลแทนการแสดงเจตนา..."
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 มีคำสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติรวมมูลค่า 73,062,271.36 บาท ของนายบรรเจิด สอพิมาย และผู้เกี่ยวข้อง ตกเป็นของแผ่นดิน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4 ประกอบมาตรา 83 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ2561 มาตรา 4 ประกอบมาตรา 125 แล้ว
หลังจากก่อนหน้านี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติให้ออกคำสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่า 73,062,271.36 บาท ของนายบรรเจิด สอพิมาย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลในเมือง อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เอาไว้ในระหว่างดำเนินคดี เพื่อมิให้มีการโอน ยักย้ายแปร สภาพหรือซุกซ่อนทรัพย์สินเกี่ยวกับการร่ำรวยผิดปกติ เช่น บัญชีเงินฝาก ห้องชุด รถยนต์ โฉนดที่ดิน ทั้งที่อยู่ในชื่อตนเองและคนใกล้ชิด พร้อมให้ส่งรายงานสำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน
ต่อไปนี้ เป็นรายละเอียด ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติรวมมูลค่า 73,062,271.36 บาท ของนายบรรเจิด สอพิมาย และผู้เกี่ยวข้อง ที่ถูกศาลฯ สั่งให้ตกเป็นของแผ่นดินดังกล่าว
ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนายบรรเจิด สอพิมาย ดังนี้
1.บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสกรณ์การเกษตร เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นายบรรเจิด สอพิมาย รวมจำนวน 12,142,339.39 บาท
2. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาพิมาย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นายบรรเจิด สอพิมาย รวมจำนวน 1,530,000 บาท
3. บัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาพิมาย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นายบรรเจิด สอพิมาย รวมจำนวน 4,800,000 บาท
4. บัญชีเงินฝากเผื่อเรียกธนาคารออมสิน สาขาพิมาย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นายบรรเจิด สอพิมาย จำนวน 500,000 บาท
5. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขาพิมาย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นายบรรเจิด สอพิมาย รวมจำนวน 10,217,000 บาท
ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนางรัติวงษ์ สอพิมาย ดังนี้
1. บัญชีเงินรับฝากพิเศษสหกรณ์การเกษตรพิมาย จ๋ากัด เลขที่บัญชี XXX จำนวน 9,408,136.87 บาท
ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนางเบญจวรรณ สอพิมาย ดังนี้
1. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เลขที่บัญชี XXX จำนวน 1,300,000 บาท
ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนายเอกชัย สอพิมาย ดังนี้
1. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นายเอกชัย สอพิมาย รวมจำนวน 6,857,000 บาท
2. บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาพิมาย เลขที่บัญชี XXX ชื่อบัญชี นายเอกชัย สอพิมาย รวมจำนวน 4,099,000 บาท
3.ห้องชุดในโครงการคุรุธานี ไพรเวซี่ จำนวน 1 ห้อง เลขที่ 230/41 ชั้นที่ 6 อาคารเลขที่ 1 ทะเบียนอาคารชุดเลขที่ 1/2559 ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 13136 แขวงบางพลัด เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร มูลค่า 2,626,795 บาท
4.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน หมายเลขทะเบียน ฮษ 8111 กรุงเทพมหานคร ยี่ห้อ HYUNDAI ลักษณะตู้นั่งสี่ตอน มูลค่า 1,500,000 บาท
5.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน หมายเลขทะเบียน ขล 3111 นครราชสีมา ยี่ห้อ MAZDA ลักษณะเก๋งสองตอน มูลค่า 680,000 บาท
6.รถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน 1 กธ 8989 นครราชสีมา ยี่หัอ VESPA มูลค่า 97,000 บาท
7.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน หมายเลขทะเบียน งฉ 4111 นครราชสีมา ยี่ห้อ MAZDA ลักษณะนั่งสองตอนแวน มูลค่า 340,000 บาท
ทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อของนางเบญจวรรม สอพิมาย นายเอกชัย สอพิมาย และนางสาวบุญธิดา สอพิมาย ดังนี้
1.โฉนดที่ดินเลขที่ 12539 เลขที่ดิน 2279 หน้าสำรวจ 17000 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา มูลค่า 6,000,000 บาท
2.สิ่งปลูกสร้าง (หอพักศิลา) เลขที่ 357/11 ซอยมหาชัย 5/2 ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา มูลค่า 10,965,0000 บาท
ทั้งนี้ ในคำพิพากษาระบุว่า ให้นายบรรเจิด สอพิมาย หรือบุคคลที่ถือครองแทน ที่ดิน, ห้องชุดในโครงการคุรุธานี ไพรวซี่ และสิ่งปลูกสร้าง (หอพักศิลา) ดังกล่าวข้างต้น ส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินดังกล่าวพร้อมกับให้โอนกรรมสิทธิ์พร้อมดอกผลแก่แผ่นดินโดยกระทรวงการคลัง หากไม่โอนให้ถือเอาคำสั่งศาลแทนการแสดงเจตนา
หากผู้คัดค้านทั้งหมด ไม่สามารถโอนทรัพย์สินให้แก่แผ่นดินได้ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตาม ให้บังคับเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของ นายบรรเจิด สอพิมาย ตามสัดส่วนของมูลค่าทรัพย์สินที่ขาดอยู่แก่แผ่นดินแทนจนครบถว้น ภายในระระเวลาสิบปีนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด และหากไม่โอนให้ถืเอาคำสั่งของศาล แทนการแสดงเจตนา