ป.ป.ช.ลงมติ 5 ต่อ 1 ไม่แจ้งข้อกล่าวหา 'อดีตบิ๊กปตท.' คีย์แมนคดีปาล์มอินโดฯ เหตุหลักฐานไม่เพียงพอ เผย'เอกวิทย์ วัชชวัลคุ' ข้างน้อย ส่วนผู้ถูกกล่าวหารายอื่นอยู่ระหว่างสรุปคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาสรุปสำนวนไต่สวนเป็นทางการ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าการไต่สวนคดีบริษัท พีทีที.กรีนเอเนอร์ยี่ฯ หรือ PTT.GE. บริษัทลูกของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ถูกกล่าวหาว่า ลงทุนปลูกปาล์มน้ำมันที่ประเทศอินโดนีเซีย แต่พบความไม่ชอบมาพากลในการลงทุน และมีการจ่ายค่านายหน้าแพงเกินจริงกว่า 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 5 ต่อ 1เสียง ไม่แจ้งข้อกล่าวหา อดีตผู้บริหารระดับสูงบริษัท ปตท. ซึ่งถือเป็นบุคคลสำคัญที่เป็นตัวเชื่อมระหว่าง PTT.GE. กับ ปตท. และทราบรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการลงทุนปลูกปาล์มน้ำมันที่ประเทศอินโดนีเซียเป็นอย่างดี โดย นายเอกวิทย์ วัชชวัลคุ เป็นกรรมการ ป.ป.ช.เสียงข้างน้อย
แหล่งข่าว จาก ป.ป.ช. ระบุว่า เกี่ยวกับการไต่สวนคดีนี้ เดิมที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.เห็นชอบให้มีการตั้งไต่สวน อดีตผู้บริหารระดับสูงบริษัท ปตท.รายนี้ เนื่องจากในการสอบสวนข้อมูลเชิงลึก พบว่า อดีตผู้บริหารระดับสูง ปตท. รายนี้ มีส่วนร่วมในการเสนอเรื่องต่อคณะกรรมการ ปตท. วาระลับ พิจารณาอนุมัติลงทุนโครงการ PT. Az Zhara ที่ไม่ถูกต้องตามความเป็นจริง ทำให้คณะกรรมการ ปตท. มีมติอนุมัติจำนวนสิทธิในที่ดินปลูกปาล์ม 117,500 เฮกตาร์ วงเงิน 62 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นวงเงินสูงเกินจริง
นอกจากนี้ ยังยินยอมให้บุคคลภายนอกที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ ปตท.ร่วมเดินทางไปงานเปิดสำนักงานบริษัท PTTGE ประเทศ อินโดนีเซีย และเดินทางไปดูโครงการปลูกปาล์มหลายครั้ง โดย ปตท. เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมด
"แต่เมื่อตั้งไต่สวนแล้ว หลักฐานไม่เพียงพอจึงไม่แจ้งข้อกล่าวหา ผลทางกฎหมายเท่ากับอดีตผู้บริหารระดับสูง ปตท. รายนี้ รอดพ้นคดีนี้ไปแล้ว ส่วนผู้ถูกกล่าวหาคนอื่น มีการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้วก่อนหน้านี้ อยู่ระหว่างการสรุปคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา เพื่อสรุปสำนวนการไต่สวนคดีเป็นทางการต่อไป" แหล่งข่าวระบุ