ศาลยุติธรรม แจงหลักการให้ประกันตัว หลังศาลอาญามีคำสั่งให้ประกันตัว ‘ป๋าเบียร์-แม่ตั๊ก’ ชี้รัฐธรรมนูญมาตรา 29 กำหนดให้ผู้ต้องหายังเป็นผู้ไม่มีความผิด ประกอบกับในการปล่อยตัวชั่วคราว มีการให้ติดกำไล EM ติดตามไว้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 31 ม.ค. 2568 นายรัฐวิชญ์ อริยพัชญ์พล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า หลักการที่เกี่ยวกับการพิจารณาสั่งประกัน หลังจากศาลอาญามีคำสั่งให้ประกันตัวนายกานต์พล หรือป๋าเบียร์ จำเลยที่ 2 และ น.ส.กรกนก หรือแม่ตั๊ก จำเลยที่ 3
โดยหลักแล้วสิทธิในการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 29 วรรคสอง รับรองสิทธิในการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาไว้ว่า “ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจําเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคําพิพากษาอันถึงที่สุดจะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทําความผิดมิได้”
ซึ่งหลักการนี้ก็ปรากฏอยู่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญามาตรา 107 ที่บัญญัติรับรองไว้อย่างชัดแจ้งว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยทุกคนพึงได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว เว้นแต่กรณีใดที่มีข้อเท็จจริงเฉพาะเรื่องที่อาจกระทบต่อความปลอดภัยของสังคมหรือความต่อเนื่องของการดำเนินคดี กฎหมายจึงจะเปิดช่องให้มีการคุมขังระหว่างพิจารณาไว้อย่างจำกัด
นอกจากนี้ การสั่งปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาของศาลยุติธรรมในปัจจุบันยังให้ความสำคัญกับการนำมาตรการทางเลือกมาใช้แทนการนำเงินสดหรือหลักประกันมาวางศาล เช่น มาตรการตั้งผู้กำกับดูแล หรือการนำกำไลอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว “EM” (Electronic Monitoring) มาใช้ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ประชาชน และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นระหว่างผู้ต้องหาหรือจำเลยที่มีฐานะทางเศรษฐกิจแตกต่างกัน ให้สามารถเข้าถึงสิทธิในการได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาอย่างเท่าเทียมกัน อันเป็นมาตรการตามนโยบายของประธานศาลฎีกาที่มุ่งสร้างสมดุลและอำนวยความยุติธรรมเพื่อคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนและความมั่นคงปลอดภัยของสังคมไปพร้อมกัน