"...หลักสูตรนี้ มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของผู้บริหารรุ่นใหม่ให้มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล มองเห็นความเชื่อมโยงของภัยคุกคามในมิติต่าง ๆ สามารถ คิด วิเคราะห์สถานการณ์ ประเมินความเสี่ยง และวางแผนรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยความรู้ ความเข้าใจในศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง..."
หลังจากที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ ประกาศรายชื่อผู้เข้าสัมภาษณ์อบรมหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) รุ่นที่ 2 (National Defence Course for Future Leaders (NDCFL)) ดูเหมือนจะเรียกเสียงฮือฮาให้กับคนในแวดวงการเมืองได้ไม่น้อย เพราะการอบรมรุ่นนี้ มีรายชื่อทายาทนักการเมืองและบุคคลดังหลายคนติดชื่อเข้ามาจำนวนมาก
(อ่านประกอบ: ประกาศชื่อนักศึกษา มินิ วปอ.รุ่น 2 ทายาทนักการเมือง-สส.-นักร้อง ติดเพียบ)
คำถามที่น่าสนใจ คือ ทำไมหลักสูตรนี้ ถึงได้รับความนิยมจากทายาทนักการเมืองและบุคคลดังจำนวนมากแบบนี้
จากการสืบค้นข้อมูลเบื้องต้น สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) พบว่า หลักสูตร วปอ.บอ. ถูกเรียกอีกชื่อว่า มินิ วปอ. เนื่องจากคณสมบัติผู้สมัครเข้าร่วม จะอยู่ที่ช่วง 35-42 ปี ต่างกับ ‘วปอ. รุ่นใหญ่’ ที่จะอยู่อายุช่วง 50-55 ปี ใกล้ถึงวัยเกษียณฯ
สิ่งที่น่าจับตา คือ หลักสูตรนี้ มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นอีกหนึ่งหลักสูตรเพื่อสร้าง ‘คอนเนกชั่น’ ของผู้เข้ารับการในอาณาจักรพื้นที่ทหารแบบรุ่นเล็กๆ ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยติดรายชื่อผู้เข้าสัมภาษณ์อบรม วปอ.บอ. รุ่นที่ 1 ด้วย
เมื่อสำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลจากเว็บไซต์วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร www.thaindc.org พบข้อมูลเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วัตถุประสงค์ รวมถึงคุณสมบัติของผู้สมัครหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต
โดยข้อมูลระบุว่า หลักสูตรนี้ มุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของผู้บริหารรุ่นใหม่ให้มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล มองเห็นความเชื่อมโยงของภัยคุกคามในมิติต่าง ๆ สามารถ คิด วิเคราะห์สถานการณ์ ประเมินความเสี่ยง และวางแผนรับมือกับภัยคุกคามในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยความรู้ ความเข้าใจในศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง
วัตถุประสงค์ของหลักสูตร
-
เพื่อให้ผู้เข้ารับการศึกษามีความรู้ และความเข้าใจเกี่ยวกับความมั่นคง
-
เพื่อให้ผู้เข้ารับการศึกษาได้เรียนรู้ และเข้าใจเกี่ยวกับสภาวะแวดล้อม บริบทของโลก ภูมิภาค และในประเทศ
-
พื่อเพิ่มพูนทักษะการคิด วิเคราะห์ วางแผน และนำเสนอแนวทางการบริหารจัดการปัญหาได้อย่างเหมาะสม
-
เพื่อพัฒนาความเป็นผู้นำที่ดี มีคุณธรรมจริยธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคม
-
สร้างเสริมความร่วมมือ (Collaboration) เพื่อพัฒนาสังคม และประเทศชาติ
ค่าใช้จ่าย
-
บุคลากรของรัฐ ได้แก่ กลุ่มข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ กลุ่มข้าราชการพลเรือน พนักงานราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานองค์กรอิสระหรือหน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และข้าราชการการเมืองกองบัญชาการกองทัพไทยสนับสนุนงบประมาณ
-
กลุ่มนักการเมือง นักธุรกิจ ภาคเอกชน และบุคคลทั่วไป ประมาณ 130,000.-บาท/คน (รวมการศึกษาดูงานต่างประเทศ ที่นั่งชั้นประหยัด และพักคู่ในการพักแรม) แบ่งเป็น ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมภายในประเทศ 45,500 บาท และค่าใช้จ่ายในการเดินทางดูกิจการ ณ ต่างประเทศ 84,500 บาท
ทั้งนี้ หากนักศึกษาไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมที่หลักสูตรกำหนด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งอาจทำให้หลักสูตรฯ มีเงินรายได้คงเหลือ ระเบียบกองบัญชาการกองทัพไทย ว่าด้วย เงินรายได้จาการจัดการฝึกอบรมของส่วนราชการในกองบัญชาการกองทัพไทย พ.ศ. 2567 กำหนดให้ เมื่อเสร็จสิ้นการดำเนินจัดฝึกอบรมแต่ละครั้ง ให้นำเงินค่าใช้จ่ายที่เหลืออยู่ ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
คุณสมบัติผู้สมัคร
-
สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่าตามที่กระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือสำนักงานคณะกรรมการข้าราการพลเรือน (สำนำงาน ก.พ.) รับรอง
-
ต้องไม่เป็นผู้กระทำผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงหรืออยู่ในระหว่างการดำเนินการคดีอาญาของศาล แม้คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด เว้นแต่คดีที่มีความผิดลหุโทษหรือคดีที่มีการปรับสถานเดียว
-
เป็นผู้ที่มีประสบการณ์หรือปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งชาติ มีจิตสาธารณะสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ ยินดีร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ในการบริหารจัดการความมั่นคงระดับชาติ สนับสนุนการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศ
-
ยอมรับและปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ทางวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศกำหนดขึ้น ไม่ทำความเสื่อมเสียให้กับสถาบันฯ
-
เป็นผู้ที่มีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดี
-
สามารถเข้ารับการฝึกอบรมได้ตลอดหลักสูตรฯ ไม่อยู่ในระหว่างการฝึกอบรมในสถาบันการศึกษา หรือหน่วยงานอื่นที่เป็นอุปสรรคต่อการฝึกอบรมและหรือทำกิจกรรมของการฝึกอบรม
-
ยึดมั่นในการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
คุณสมบัติเฉพาะ
กลุ่มข้าราชการทหาร และข้าราชการตำรวจฉบับที่ 2
-
ต้องมีคุณสมบัติอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี และไม่เกิน 42 ปี (เป็นผู้ที่เกิดปี พ.ศ. 2526 – ปี พ.ศ.2533)
-
เป็นข้าราชการทหารชั้นยศ พันโท – พันเอก (พิเศษ) นาวาโท - นาวาเอก (พิเศษ) นาวาอากาศโท – นาวาอากาศเอก (พิเศษ) ส่วนข้าราชการตำรวจ ชั้นยศ พันตำรวจโท–พันตำรวจเอก (พิเศษ)
-
ผู้เข้ารับการฝึกอบรมควรเป็นผู้ปฏิบัติงานในสายงานหลักของหน่วยงานและจะเป็นกำลังสำคัญของหน่วยงานในอนาคต
-
เป็นผู้ที่ทางราชการไว้วางใจ ให้เข้าถึงความลับของทางราชการชั้น “ลับมาก”
-
ต้องได้รับอนุญาตจากผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงาน
กลุ่มข้าราชการพลเรือน พนักงานราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานองค์กรอิสระหรือหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญ และข้าราชการการเมือง
-
ต้องมีคุณสมบัติอายุไม่ต่ำกว่า 32 ปี และไม่เกิน 42 ปี (เป็นผู้ที่เกิดปี พ.ศ.2526 – ปี พ.ศ. 2536)
-
เป็นข้าราชการพลเรือน เจ้าหน้าที่หรือพนักงานราชการ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ เจ้าหน้าที่หรือพนักงานองค์กรอิสระ หรือหน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งดำรงตำแหน่งประเภทไม่ต่ำกว่าผู้อำนวยการระดับต้นหรือเทียบเท่า หรือดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับกลางหรือเทียบเท่า หรือดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการพิเศษ หรือประเภททั่วไประดับอาวุโส (เทียบเท่าระดับ 8 เดิม)
-
เป็นข้าราชการการเมือง หรือดำรงตำแหน่งทางการเมือง อาทิ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง
-
ผู้เข้ารับการฝึกอบรมควรเป็นผู้ปฏิบัติงานในสายงานหลักของหน่วยงานและจะเป็นกำลังสำคัญของหน่วยงานในอนาคต
-
เป็นผู้ที่ทางราชการไว้วางใจ ให้เข้าถึงความลับของทางราชการชั้น “ลับมาก”
-
ต้องได้รับอนุญาตจากผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงาน
กลุ่มนักการเมือง นักธุรกิจ ภาคเอกชน และบุคคลทั่วไป
-
ต้องมีคุณสมบัติอายุไม่ต่ำกว่า 32 ปี และไม่เกิน 42 ปี (เป็นผู้ที่เกิดปี พ.ศ.2526 –ปี พ.ศ. 2536)
-
เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง คณะกรรมการอื่นที่แต่งตั้งโดยหัวหน้าพรรคหรือคณะกรรมการบริหารพรรคการเมือง หรือตำแหน่งอื่นในพรรคการเมืองที่หัวหน้าพรรคการเมืองเห็นสมควร หรือสมาชิกพรรคการเมืองที่ได้รับการเสนอชื่อจากหัวหน้าพรรคการเมือง โดยพรรคการเมืองที่มีสิทธิเสนอผู้รับการศึกษาอบรมจะต้องมีจำนวนสมาชิกพรรคการเมืองไม่น้อยกว่าห้าพันคนและมีสาขาพรรคการเมืองอย่างน้อยภาคละหนึ่งสาขา
-
เป็นผู้บริหารท้องถิ่นหรือสมาชิกสภาท้องถิ่น
-
เป็นเจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการ หรือผู้บริหารของกิจการภาคเอกชนที่ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่ารองกรรมการผู้จัดการ หรือผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หรือผู้จัดการโรงงาน หรือ ผู้จัดการภูมิภาคหรือเทียบเท่า
-
เป็นอาจารย์ผู้สอน นักวิชาการ นักวิจัย หรือผู้บริหาร ในสถาบันระดับอุดมศึกษาภาครัฐและเอกชนฉบับที่ 2 (15 พ.ย.67, 2142)
-
บุคคลทั่วไป อาทิ ศิลปิน ผู้สื่อข่าว ผู้บริหารองค์กรที่มิใช่รัฐ องค์กรไม่แสวงหากำไร องค์กรสาธารณประโยชน์ องค์กรเพื่อสังคม วิสาหกิจเพื่อสังคม หรือนักปราชญ์ชาวบ้านที่มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ เป็นต้น
หลักสูตร
หลักสูตร วปอ.บอ. ประกอบด้วย 5 หมวดวิชา ได้แก่
-
หมวดวิชาที่ 1 : ความมั่นคงศึกษา
-
หมวดวิชาที่ 2 : สภาวะแวดล้อมทางความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 และประเด็นความมั่นคงร่วมสมัย
-
หมวดวิชาที่ 3 : กระบวนการคิด วิเคราะห์ สำหรับการบริหารจัดการร่วมสมัย
-
หมวดวิชาที่ 4 : เสริมสมรรถนะผู้บริหารแห่งอนาคต
-
หมวดวิชาที่ 5 : การเดินทางดูกิจการ – ศึกษาสภาวะแวดล้อมที่ส่งผลต่อความมั่นคงแห่งชาติ
โดยใช้หลักการจัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการสร้างองค์ความรู้ ทักษะกระบวนการคิดขั้นสูง ส่งเสริมให้ผู้เข้ารับการฝึกอบรมเรียนรู้ด้วยตนเอง ทำงานกลุ่ม ใช้การเรียนการสอนแบบผสมผสานกิจกรรมการเรียนรู้ (Mixed Learning Mode) มุ่งเน้นกระบวนการและการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active and Participatory Learning) มีอาจารย์ประสานงาน (Facilitator) และผู้บริหารโครงการหลักสูตร ช่วยกำกับดูแล
ใช้ระยะเวลาเรียนประมาณ 6 เดือน เริ่มเรียนวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2568 จนถึงเดือนกรกฎาคม 2568 เรียนสัปดาห์ละ 1 วัน (ทุกวันศุกร์) เวลา 13.00-20.00 น. ณ หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร
เมื่อสำเร็จการอบรม ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด (เวลาเรียน, ผลงานวิชาการ และความประพฤติระหว่างเข้ารับการศึกษา) จะได้รับประกาศนียบัตร และเข็มปัฐมารัฎฐาภิรักษ์
ทั้งหมดนี้ คือ รายละเอียดหลักการและคุณสมบัติหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร สำหรับผู้บริหารแห่งอนาคต (วปอ.บอ.) อีกหนึ่งหลักสูตรอบรมฯ ดัง ที่ได้รับความนิยมจากทายาทนักการเมืองและบุคคลดังหลายคน เข้าไปร่วมการอบรม ที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชนในขณะนี้