ป.ป.ช.ตรัง ลุยสอบโครงการขุดลอกคลองแม่น้ำปะเหลียน กรมชลประทาน พบหลักฐานลักลอบดูดทรายเถื่อนกลางแม่น้ำมูลค่าหลายล้านบาท นำไปเก็บไว้ในบ่อทรายร้าง คาดมีเจ้าหน้ารัฐเอี่ยว จี้หน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าแจ้งความดำเนินคดีผู้กระทำผิดอย่างเร่งด่วน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ก.พ.68 นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง มอบหมายให้ นายยุทธนา วิมลเมือง หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริตลงพื้นที่ตรวจสอบการลักลอบดูดทรายเถื่อนผิดกฏหมายในแม่น้ำปะเหลียน ภายหลังจากกรมชลประทาน ทำโครงการขุดลอกลำคลองแม่น้ำปะเหลียน ในพื้นที่ หมู่ 1 ต.บางด้วน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง และ หมู่ 4 ต.ในควน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง มีเอกชนรายหนึ่งเข้ามาเป็นคู่สัญญา รับเหมาดำเนินการร่วมกับกรมชลประทาน ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นเดือน ม.ค.68 ที่ผ่านมา แต่ในระหว่างดำเนินการชาวบ้านในพื้นที่พบเห็นเอกชนที่รับเหมาเป็นคู่สัญญากับทางกรมชลประทาน ได้ดำเนินการดูดทรายและตักทรายจากแม่น้ำคลองปะเหลียน ขนย้ายใส่รถบรรทุกไปเก็บกักไว้ภายในบ่อทรายร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้กับพื้นที่ดังกล่าว คาดว่าบ่อทรายดังกล่าวอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้รับเหมารายดังกล่าวเพื่อจะเตรียมขนย้าย จึงได้เข้าร้องเรียนและให้เบาะแสไปยัง ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง เข้ามาตรวจสอบ
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรังพร้อมด้วย น.ส.ศิริลักษณ์ วิศวรุ่งโรจน์ อุตสาหกรรม จ.ตรัง นายอดุลย์ หมื่นลึก นายอำเภอปะเหลียน นายบุญเลิศ ชูบุญศรี ปลัด อบต.บางด้วน นายชัยวุฒิ สวัสดิรักษ์ ประธานชมรวมตรังต้านโกง ตัวแทน อบต.ในควน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบมีกองทรายขนาดใหญ่ถูกกองตั้งไว้อยู่ในบ่อทรายร้างดังกล่าว และยังมีรถแทรกเตอร์จอดอยู่บนกองทราย ภายในบ่อทรายพบหัวเครื่องยนต์ดูดทรายและท่อลำเลียงอยู่ในบ่อทรายเช่นเดียวกัน แต่ไม่พบผู้กระทำความผิด
ต่อมาเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องได้เข้าร่วมประชุมพร้อมกันที่ อบต.บางด้วน เพื่อหารือถึงประเด็นดังกล่าวนี้ เนื่องจากการกระทำความผิดนี้ เป็นการลักทรัพย์สินซึ่งเป็นสมบัติของแผ่นดินโดยผิดกฎหมาย เส้นทางน้ำเปลี่ยนแปลง ตลิ่งพังเป็นแนวยาว และทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลาย อีกทั้งการกระทำเช่นนี้เป็นการใช้โครงการหลวงบังหน้า โดยอาจจะมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
นายยุทธนา วิมลเมือง หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต สำนักงาน ป.ป.ช.ตรัง กล่าวว่า จากการลงพื้นที่เบื้องต้นปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการตักทรายในพื้นที่ดังกล่าวจริง และได้มีการขนย้ายทรายมายังบ่อทรายร้าง ซึ่งเป็นพื้นที่ของเอกชน
"ทาง ป.ป.ช.ตรัง ได้กำกับติดตามส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้ง อำเภอปะเหลียน อบต.บ้างด้วน อบต.ในควน ช่วยกันดูข้อกฎหมายว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิดตามกฎหมายใดบ้าง เพื่อที่จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับพนักงานสอบสวนต่อไป ส่วนบ่อทรายร้างที่มีการขนย้ายทรายมาไว้ เป็นบ่อทรายร้างที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐรายหนึ่งเช่นเดียวกัน และบ่อทรายดังกล่าวนี้ อาจจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยง กับผู้รับเหมาในโครงการรัฐที่ดำเนินการอยู่"นายยุทธนาระบุ
นายยุทธนา ยังกล่าวด้วยว่า ส่วนจำนวนทรายที่มีการลักลอบดูดตักมา จะให้ทาง อบต.บางด้วน เข้ามาคำนวณปริมาณทรายและมูลค่าของทรายจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งระยะเวลาที่มีการลักลอบตักนั้น เบื้องต้นทราบว่าอยู่ในช่วงต้นเดือน ม.ค.68 ที่ผ่านมา
ด้านนายบุญเลิศ ชูบุญศรี ปลัด อบต.บางด้วน กล่าวว่า จากการลงพื้นที่มาร่วมตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ประชุมกันจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และข้อกฎหมาย เพื่อเอาผิดกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมายต่อไป ส่วนเรื่องพยานหลักฐานมีอยู่พอสมควร แต่จะให้ความเป็นธรรมกับทุก ๆ ฝ่าย
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน อ้างว่าทรายที่ได้มามีวัดในพื้นที่ขอนำไปถมบริเวณลานวัด แต่คำชี้แจงดังกล่าวขัดแย้งกับข้อมูลความเป็นจริงจากชาวบ้านว่าทรายที่ตักขึ้นมาไม่ได้นำไปให้กับวัดแต่อย่างใด แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่านำไปกองไว้ในบ่อทรายร้างดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแม่น้ำตรังเป็นแหล่งที่มีทรายมากที่สุดแห่งหนึ่งในภาคใต้ โดยมีการขนส่งทรายไปขายถึง จ.ภูเก็ต และจังหวัดข้างเคียง เนื่องจากแม่น้ำมีระยะทางค่อนข้างยาว เกือบ 100 กิโลเมตร ทำให้มีการสะสมของทรายเป็นจำนวนมากรวมทั้งเทือกเขาบรรทัดต้นกำเนิดเป็นภูเขาหินทราย ทำให้มีการไหลชะล้างทรายเหล่านั้นลงสู่แม่น้ำตรัง ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่า แต่มีคนหลายกลุ่มต่างเข้าไปหาผลประโยชน์ ลักลอบดูดทราย โดยการทำธุรกิจเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ เป็นธุรกิจที่ไม่ต้องลงทุนมากมาย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทาง ป.ป.ช.ตรัง ได้มีมาตรการลงพื้นที่ตรวจสอบบ่อทรายต่าง ๆ พร้อมกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการลงตรวจสอบในเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนกระทั่งมีการแจ้งความดำเนินกับบ่อทรายที่ทำผิดกฎหมายไปแล้วจำนวนหลายบ่อ