‘เอกนัฏ’ เปิดใจ 21 สส.รทสช. ลงชื่อถึงนายกรัฐมนตรี ปรับครม.ในสัดส่วนพรรคทั้งหมด โอด กลุ่มเสียประโยชน์อยู่เบื้อง ขู่ กระทำการขัดข้อบังคับ พ้นสมาชิก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรมและเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปรากฏข่าวในช่วงเย็นวันที่ 9 มิถุนายน 2568 หนึ่งในแกนนำของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้เดินทางไปที่เมืองทองธานี เพื่อพบกับนางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีวาระไปเป็นประธานเปิดงาน OTOP Midyear 2025 โดยมีการหารือถึงการปรับคณะรัฐมนตรี ประมาณ 15-20 นาที พร้อมกับการยื่นหนังสือข้อเสนอการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัดส่วนของพรรครทสช. พร้อมกับแนบรายชื่อ สส. พรรครสทช. จำนวน 21 คน ท้ายหนังสือ อ้างเหตุผลขาดความรู้ความสามารถ รัฐมนตรีโดนตรวจสอบเรื่องจริยธรรม ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่นต่อประชาชน
นายเอกนัฏ กล่าวว่า เรารู้ดีว่าต้องเจอกับอะไร ภารกิจทั้งในกระทรวงพลังงานและกระทรวงอุตสาหกรรม เช่น การจับล้อยางเถื่อนมูลค่ากว่า 200 กว่าล้านบาท การยกเลิกเตาไอเอฟ การปิดโรงเหล็กที่ไม่ได้คุณภาพ รวมถึงสายไฟ มูลค่าปีหนึ่งกว่าหมื่นๆ ล้านบาท
“ผมรู้ว่าผมต้องเจอกับอะไร” นายเอกนัฎกล่าว
นายเอกนัฎกล่าวว่า ส่วนเอกสารที่ปรากฏในข่าว ขอตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเอกสารจริงหรือไม่ ไม่ทราบว่ามีการยื่นเอกสารไปถึงนายกรัฐมนตรีจริงหรือไม่ เพราะหลังจากข่าวออกมามีข้อพิรุธหลายอย่าง มีสส.หลายคนออกมาปฏิเสธ อย่างน้อย สส.ชุมพร 3 คน ที่รีบออกมาชี้แจง
อ่านประกอบ : 'วิชัย' โพสต์ยืนยัน 3 สส.ชุมพร ไม่เคยลงชื่อหนังสือ 21 รทสช. ขอ 'แพทองธาร' ปรับ ครม.
นายเอกนัฏ กล่าวว่า นอกจากนั้นยังเห็นสิ่งผิดปกติของลายเซ็น ที่บางคนออกมาปฏิเสธ รวมถึงในเนื้อความเขียนว่า รัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติไม่มีความรู้ความสามารถ ขาดจริยธรรม และลงชื่อนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีของพรรคลำดับแรก รับรองจึงไม่ทราบข้อเท็จจริงว่านายสุชาติได้เห็นและลงนามในเอกสารจริงหรือไม่ และถ้าลงลายมือชื่อก็เท่ากับรับรองและด่าตัวเองว่าไม่มีความรู้ ความสามารถ และต้องไปถามนายสุชาติว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
นายเอกนัฎกล่าวว่า เท่าที่ดูหลายลายเซ็นไม่ตรงกับเอกสารที่ใช้ในราชการ สส.คนอื่นที่สมัครสมาชิกพรรคลายเซ็นไม่ตรงบางคนเซ็นแค่ตัวอักษรนำ ซึ่งผิดวิสัยเอกสารสำคัญ เช่น เขียนตัวพีตัวเดียว แต่ยังไม่เห็นเอกสารตัวจริง
นายเอกนัฏกล่าวว่า เรื่องในพรรคต้องไปจัดการในพรรค ไม่เกี่ยวกับเสถียรภาพ แต่ไม่เคยเห็นมีการไปเซ็นเอกสารที่ต่อว่าหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ที่ท้าทายกดดันนายกรัฐมนตรีให้ปรับครม.ที่มีใจความในลักษณะนี้
เมื่อถามว่าเรื่องนี้ได้พูดคุยกับนายพีระพันธุ์หรือยัง นายเอกนัฏ กล่าวว่า ตอนนี้ให้โอกาสและขอสื่อสารผ่านสื่อว่าขอให้ทำให้โปร่งใส ใครที่มีรายชื่อปรากฏในเอกสารดังกล่าว ที่ไม่ได้มีเจตนากดดันนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีเจตนาด่ารัฐมนตรีของพรรครทสช.ไม่มีมีความรู้ความ สามารถจริยธรรม ก็ต้องออกมาชี้แจง
“ได้พูดคุยกับสส.ทีละคนตั้งแต่มีภาพปรากฏไปรวมตัวกัน และมีข่าวจะย้ายพรรคขณะที่สส. ก็ออกมาประกาศว่า ไม่เป็นความจริงและวงที่คุยไม่ใช่เรื่องการย้ายพรรค เหตุการณ์ครั้งนี้ที่มีรายชื่อก็เช่นเดียวกัน ที่ขอตั้งข้อสังเกตและชวนสื่อไปดูว่าใครที่อยู่เบื้องหลังเอกสารดังกล่าว วันนี้เมื่อมีคนออกมาปฏิเสธไม่ต่ำกว่า3-4รายชื่อจาก 21 รายชื่ออย่างนี้เรียกว่าเป็นเอกสารเถื่อน”นายเอกนัฎกล่าว
เมื่อถามว่ามองว่าใครเป็นคนดำเนินการเอกสารดังกล่าว นายเอกนัฏกล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนรวบรวมรายชื่อ แต่ตั้งข้อสังเกตว่าการทำงานของทั้งตนเองและนายพีระพันธุ์ เราไปสร้างศัตรูไว้เยอะ ก่อนหน้านี้มีการไปลงขันกันด้วยเงินหลายร้อยล้านบาท หลังจากโรงงานที่ตนไปยกเลิกและปิดโรงงาน ซึ่งการลงทุนฆ่าหรือย้ายง่ายกว่าไปปรับคุณภาพโรงงาน เพราะภารกิจของเขา คือต้องการเอาตนเอาออกตำแหน่งให้ได้’
เมื่อถามว่ากระแสข่าวที่ทำเช่นนี้เพื่อขอให้ขับออกจากพรรคหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ถ้าใครเห็นว่าจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรคไม่เป็นไปตามอุดมการของเขาก็มีสิทธิ์ลาออก แต่ตราบใดที่เป็นสมาชิกของพรรค ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของพรรค
เมื่อถามย้ำว่าคนที่ลาออกอาจจะขาดสมาชิกภาพ จึงต้องการให้พรรคขับออก นายเอกนัฏ กล่าวว่า ต้องย้อนดูว่าการกระทำที่มีความผิดต่อพรรคร้ายแรง เช่น การผิดจริยธรรมร้ายแรงและการบิดเบือนเอกสาร ‘การปลุกปั่นทำให้เกิดความแตกแยกภายในพรรคเพื่อหวังผลใดๆ และสิ่งเหล่านี้อาจมีผลทำให้ขาดสมาชิก’ และขอให้กลับไปอ่านข้อบังคับพรรคดดีๆ คนที่ปรากฎลงลายมือชื่อ ให้ไปถามสส.ว่าได้ลงลายมือชื่อจริงๆหรือไม่
นายเอกนัฎ กล่าวว่า ส่วนที่มีชื่อของนายสุชาติ ก็ต้องให้ไปถามนายสุชาติ เพราะโทรไปไม่รับ แต่สส.คนอื่นที่โทรไปรับและระบุว่าไม่มีอะไร เช่น นายจิรวุฒิ สิงห์โตทอง สส.ชลบุรี ยังระบุว่ารักพรรครทสช.เหมือนเดิม ไม่น่าจะมีอะไร แต่หากทำอะไร ไม่ถูกต้องก็อาจขาด สมาชิกภาพที่ขัดข้อบังคับพรรคโดยไม่ต้องใช้มติกรรมการบริหารพรรคขับออกได้
เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีเปิดโอกาสให้แต่ละพรรคเสนอชื่อปรับครมในส่วนของพรรค จะปรับหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่าปรับหรือไม่ปรับ ต้องรอสัญญาณจากนายกรัฐมนตรีก่อน เพราะนายกรัฐมนตรีจะเป็นคนลงนามภายใต้สัญญาที่มีให้กัน ส่วนจะปรับหรือไม่ปรับอย่างไรเป็นกลไกของแต่ละพรรค ขอให้เป็นไปตามการตัดสินใจของกรรมการบริหารพรรค เพราะบ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎเมืองทุกอย่างมีกติกาอยู่’
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่มีปรากฏการณ์ความแตกแยกภายในพรรค รทสช.มาเป็นระยะ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ได้เตรียมใจไว้แล้ว ตนเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ การทำงานอาจจะไปเหยียบเท้าใครก็ได้ จึงต้องพยายามกระทำทุกวิธีการในการจัดการ คนแทงจากข้างนอกอาจเห็นว่าไม่เจ็บเท่าข้างใน จึงต้องมาป่วนข้างใน และเชื่อว่าคนที่ขัดผลประโยชน์สร้างเรื่องเพื่อให้เกิดความแตกแยก ตนเชื่อว่าเป็นอย่างนั้น ที่ผ่านมากรรมการบริหารพรรคได้สื่อสารพูดคุยกับ สส.ที่มีการประชุมมาตลอดไม่มีปัญหาอะไร