เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 2 ผศ. อาจารย์นิเทศศาสตร์ มรภ.นครศรีธรรมราช ยักยอกเงินโครงการเสริมสร้างความรู้สถานีวิทยุกระจายเสียงชุมชน ปี 54 ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 8 พิพากษาลงโทษรายแรก 'สุภาวดี พรหมมา' จำคุก 5 ปี 'ลดาวัลย์ แก้วสีนวล' โดน 3 ปี 4 เดือน ได้รอลงอาญาทั้งคู่ ส่วนจำเลยอีก 2 ยกฟ้อง - ป.ป.ช.ขออุทธรณ์สู้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุภาวดี พรหมมา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอาจารย์ประจำหลักสูตรนิเทศศาสตร์ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช กับพวก 3 ราย คือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ลดาวัลย์ แก้วสีนวล นางสาวปรีดา นัคเร นางสาวชนิดา รอดหยู่ ยักยอกเงินโครงการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจต่อสถานีวิทยุกระจายเสียงชุมชน ในพื้นที่ภาคใต้รุ่นที่ 1 พ.ศ.2554 ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147, 157 ประกอบมาตรา 91 ตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช.พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ประกอบ ป.อ.มาตรา 91 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 กรกฏาคม 2566 ที่ผ่านมา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษาดังนี้
1. ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุภาวดี พรหมมา จำเลยที่ 1 และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ลดาวัลย์ แก้วสีนวล จำเลยที่ 2 มีความผิดตามกฏหมาย ให้ลงโทษตามมาตรา 147
จำคุก ผู้ช่วยศาสตราจารย์สุภาวดี พรหมมา จำเลยที่ 1 กำหนด 5 ปี ปรับ 40,000 บาท จำคุกผู้ช่วยศาสตราจารย์ลดาวัลย์ แก้วสีนวล จำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 ปี 4 เดือน ปรับ 26,666.66 บาท
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ค่าเสียหายไม่มากนัก อีกทั้งจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้รับผลแห่งการกระทำถูกลงโทษทางวินัยแล้ว
ไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 เคยรับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสสักครั้งหนึ่ง โทษจำคุกจึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี ให้ร่วมกันชดใช้หรือคืนเงินจำนวน 263,995 บาท
2. ยกฟ้อง นางสาวปรีดา นัคเร จำเลยที่ 3 นางสาวชนิดา รอดหยู่ จำเลยที่ 4
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 มีมติเห็นควรอุทธรณ์คำพิพากษาต่อไป
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท