ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด 4 นายทหาร ยศ 'พ.อ.-พ.ต.' สัสดี-ผู้ช่วยฯจังหวัดตรัง พร้อม จนท.การเงิน ฐานวางฎีกาเบิกจ่ายเงินเดือน-เงินอื่นของทหารในสังกัดผ่านระบบ GFMIS ซ้ำ เพื่อเบิกเงินยักยอกเข้าตัวเอง ทำราชการเสียหาย 4 ล้านบาท ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัย-ส่ง อสส.ดำเนินคดีอาญาแล้ว
..................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2563 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จังหวัดตรัง เผยแพร่เอกสารข่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด พ.อ.อนุสรณ์ นาคเลิศ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสัสดีจังหวัดตรัง พ.ท.ธราพงษ์ บุญการ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยสัสดีจังหวัดตรง และ พ.อ.จิระพงษ์ อินทรสูต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสัสดีจังหวัดตรัง พ.ต.โสฬส สงนุ้ย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยสัสดีจังหวัดตรัง และนางสุพร เพชรสุทธิ์ หรือนางอุทัยทิพย์ กุลสุข เจ้าหน้าที่การเงิน ถูกกล่าวหาว่า กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีร่วมกันวางฎีกาเบิกจ่ายเงินเดือนและเงินอื่น ๆ ของทหารในสังกัดสำนักงานสัสดีจังหวัดตรัง ในระบบ GFMIS ซ้ำ
่จากการไต่สวนข้อเท็จจริง ปรากฏว่า ในการเบิกจ่ายเงินในระบบ GFMIS ของสำนักงานสัสดีจังหวัดตรัง ได้มอบหมายให้นางสุพร เพชรสุทธิ์ หรือนางอุทัยทิพย์ กุลสุข เป็นผู้ดำเนินการเบิกจ่ายเงินในระบบ GFMIS แต่เพียงผู้เดียวทุกขั้นตอนในการเบิกจ่ายเงินจากระบบ GFMIS เป็นเหตุให้นางสุพรฯ มีการเบิกซ้ำซ้อนเดือนละ 2 ครั้ง ทั้งที่เป็นหน้าที่โดยตรงของ พ.อ.อนุสรณ์ นาคเลิศ พ.ท.ธราพงษ์ บุญการ และ พ.อ. จิระพงษ์ อินทรสูต และ พ.ต.โสฬส สงนุ้ย แต่กลับละเว้นไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ และไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องของการเบิกจ่าย ในระบบ GFMIS ซึ่งสามารถตรวจสอบจากระบบการทำงานได้ทุกสิ้นวัน สิ้นเดือน ทุกขั้นตอน ตั้งแต่เอกสารในการขอเบิกจ่ายก่อนที่จะให้ผู้อนุมัติทำการ Encrypt ตรวจสอบหลังการนำเข้าข้อมูลเสร็จสิ้น และตรวจสอบหลังการเบิกจ่ายเงินแล้ว เพื่อป้องกันการเบิกซ้ำ แต่สำนักงานงานสัสดีจังหวัดตรังไม่ดำเนินตรวจสอบ กำกับดูแลการเบิกจ่ายเงินในระบบ GFMIS ให้เป็นไปตามระเบียบ เป็นเหตุให้นางสุพร เพชรสุทธิ์ หรือนางอุทัยทิพย์ กุลสุข ได้วางฎีกาเบิกจ่ายเงินซํ้าซ้อนในระบบ GFMIS และได้สั่งจ่ายเช็ค 7 ฉบับ รวมเป็นเงินจำนวน 4,054,695 บาท เพื่อส่งเงินที่เบิกเกินมาคืนแก่คลังจังหวัดตรัง แต่เมื่อเบิกเงินตามเช็คดังกล่าวมาแล้ว กลับเบียดบังยักยอกเอาเงินไปเป็นของตนเองหรือของผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเหตุให้กองทัพบกได้รับความเสียหาย
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานและสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้ว มีมติว่าการกระทำของ พ.อ.อนุสรณ์ นาคเลิศ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 พ.ท.ธราพงษ์ บุญการ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 พ.อ.จิระพงษ์ อินทรสูต ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ พ.ต.โสฬส สงนุ้ย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ หรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ฐานประพฤติไม่สมควร และฐานประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ. 2476 มาตรา 5 (7) ประกอบมติสภากลาโหมครั้งที่ 3/07 ข้อ 2.1 และข้อ 2.10 ระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยผู้ซึ่งไม่สมควรจะดำรงอยู่ในยศทหารและบรรดาศักดิ์ พ.ศ. 2507 ข้อ 2.9 และพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการทหาร พ.ศ. 2521 มาตรา 15
การกระทำของนางสุพร เพชรสุทธิ์ หรือนางอุทัยทิพย์ กุลสุข ผู้ถูกกล่าวหาที่ 5 มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ
ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับ พ.อ.อนุสรณ์ นาคเลิศ พ.ท.ธราพงษ์ บุญการ พ.อ.จิระพงษ์ อินทรสูต พ.ต.โสฬส สงนุ้ย และนางสุพร เพชรสุทธิ์ หรือนางอุทัยทิพย์ กุลสุข และส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อดำเนินการทางวินัยกับ พ.อ.อนุสรณ์ นาคเลิศ พ.ท.ธราพงษ์ บุญการ พ.อ.จิระพงษ์ อินทรสูต และ พ.ต.สฬส สงนุ้ย ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1) และ (2) แล้วแต่กรณีต่อไป
สำหรับการดำเนินการทางวินัย นางสุพร เพชรสุทธิ์ หรือนางอุทัยทิพย์ กุลสุข นั้น เนื่องจากผู้บังคับบัญชา ได้ดำเนินการสอบสวนทางวินัยและมีคำสั่งลงโทษไล่ นางสุพร เพชรสุทธิ์ หรือนางอุทัยทิพย์ กุลสุข ออกจากราชการ ในการกระทำความผิดนี้ เหมาะสมแก่ความผิดแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งรายงาน สำนวนการ ไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัย ไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (2) อีก แต่ให้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ได้ส่งสำนวนการไต่สวนไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อฟ้องต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ พิจารณาดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ดีการไต่สวนคดีอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage