- Home
- Isranews
- เกาะประเด็น
- เฝ้าระวังเข้ม ควันไฟป่ายังลามจว.ใต้ ยะลาประกาศเตือนฉ.3
เฝ้าระวังเข้ม ควันไฟป่ายังลามจว.ใต้ ยะลาประกาศเตือนฉ.3
เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2562 นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา จ.ยะลา ออกประกาศเทศบาลนครยะลา เรื่องการดูแลสุขภาพจากหมอกควัน ฉบับที่ 3 ระบุว่า จากสถานการณ์ไฟไหม้ป่าบนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย พัดเข้าปกคลุมภาคใต้ตอนล่างของประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อประชาชนทั่วไป และประชาชนกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะ เด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคระบบทางเดินหายใจ จากสถานการณ์ดังกล่าว เทศบาลนครยะลาห่วงใยสวัสดิภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนในเขตเทศบาลนครยะลาและพื้นที่ใกล้เคียง จึงประกาศประชาสัมพันธ์การดูแลสุขภาพจากหมอกควัน กรณีจำเป็นต้องอยู่บริเวณที่มีฝุ่นควัน ควรสวมหน้ากากอนามัยปิดปากและจมูก หากสูดดมและอยู่ในบริเวณที่มีหมอกควัน เมื่อมีอาการผิดปกติของระบบหายใจและถารมองเห็น ควรไปพบแพทย์
ด้านนพ.สงกรานต์ ไหมชุม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยะลา เปิดเผยถึงสถานการณ์หมอกควันยะลา พบปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก ไม่เกิน 2.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรือ PM 2.5 ในอ.เมืองยะลามีค่า 59 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร อยู่ในระดับเกินมาตรฐาน เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ส่วนอ.เบตง PM 2.5 มีค่า 49 ไมโครกรัม /ลบ.ม. อยู่ในระดับปานกลาง ทั้งนี้ ค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 ไมโครกรัม /ลบ.ม.
ทั้งนี้ จากสถานการณ์หมอกควันฯดังกล่าว สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลาเปิดศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านหมอกควันฯ (EOC) เพื่อประเมินความเสี่ยงและติดตามเฝ้าระวังผลกระทบด้านสุขภาพจากหมอกควัน จึงขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือการออกกำลังกายกลางแจ้ง อยู่ในบ้านปิดประตูหน้าต่าง หากต้องออกนอกบ้านควรสวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยง ต้องดูแลตนเองเป็นพิเศษ ซึ่งอาจทำให้อาการกำเริบได้ สำหรับการป้องกัน จังหวัดเตรียมแจกหน้ากากอนามัย 11,000 ชิ้น
เช่นเดียวกับ ที่อ.เบตง จ.ยะลา อำเภอติดต่อกับอ.เปิงกาลันฮูลู รัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย ซึ่งได้รับผลกระทบต่อเนื่อง มีค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ในระดับเริ่มเป็นอันตรายต่อสุขภาพติดต่อกันมา 2-3 วัน กระทั่ง ช่วงบ่ายวันที่ 19 กันยายน สถานการณ์เริ่มดีขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากมีฝนตกลงมาเกือบ 20 นาที ช่วยชะล้างม่านหมอกควันให้เจือจางจนสภาพอากาศแจ่มใสขึ้น แต่ทัศนวิสัยโดยรวมในตัวเมืองเบตง ยังไม่ชัดเจนมากนัก เนื่องจากยังมีหมอกควันจางๆปกคลุมอยู่ วัดค่าความเข้มข้นของ PM 2.5 ได้ที่ระดับ 49 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทำให้สภาพอากาศกลับมาอยู่ในเกณฑ์คุณภาพปานกลาง ไม่เกินค่ามาตรฐาน
ขณะที่นายวงศ์วิทย์ อัครวโรทัย สาธารณสุขอำเภอเบตงกล่าวว่า แม้แนวโน้มค่าฝุ่น PM 2.5 จะดีขึ้น แต่ยังต้องเฝ้าระวังต่อไป เนื่องจากสถานการณ์หมอกควันจากไฟไหม้ป่าที่อินโดนีเซีย ยังไม่คลี่คลาย เพราะยังอยู่ช่วงฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทย ซึ่งยังมีหมอกควันที่พัดเข้ามาอย่างต่อเนื่องและคุณภาพอากาศก็ยังขึ้นๆลงๆตามความเข้มข้นของปริมาณหมอกควันประชาชนยังต้องเฝ้าระวังสุขภาพต่อไป นอกจากนี้ ยังพบประชาชนเริ่มมีอาการ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตาบ้างแล้ว ซึ่งสาธารณสุขอำเภอเบตงแจกหน้ากากอนามัยป้องกันเบื้องต้น แต่ควรลดระยะเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง ประชาชนทั่วไปยังทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ตามปกติ แต่ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกันเมื่อออกจากบ้าน ควรขับรถด้วยความระมัดระวัง และควรปิดประตูหน้าต่างไม่ให้ฝุ่นเข้า โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยง ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ถ้ามีอาการเบื้องต้น
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค4 สน.) จ.ยะลา นำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินสำรวจสภาพอากาศ เพื่อประเมินสถานการณ์หมอกควันที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไฟป่าประเทศอินโดนีเซีย พบค่า PM 2.5 ที่วัดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 กันยายน เวลา 08.00 น. ในเขตเทศบาลนครยะลาได้ 62 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือว่าเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ล่าสุด สำนักการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครยะลา และสำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัดยะลา เตรียมหน้ากากอนามัยแจกจ่ายให้ประชาชน สำหรับบรรยากาศในพื้นที่ ตลอดทั้งวันท้องฟ้ายังคงขมุกขมัว มีควันปกคลุมอยู่ทั่ว ทัศนวิสัยการมองเห็นไม่ดี พร้อมเตือนให้หลีกเลี่ยงหรืองดทำกิจกรรมกลางแจ้ง และให้สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร
ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสตูล นายวงศกร นุ่นชูคันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล มอบหน้ากากอนามัยให้นายสัมฤทธิ์ เลียงสัมฤทธิ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล (อบจ.สตูล) นำไปแจกจ่ายให้ประชาชนแต่ละพื้นที่ ใช้ป้องกันหมอกควัน โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสตูลสรุปรายงานผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาหมอกควันข้ามพรมแดน ระหว่างวันที่ 1-19 กันยายน ทำให้ค่าฝุ่น PM 2.5 เพิ่มขึ้นจนมีผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนภาคใต้ตอนล่าง โดยข้อมูลจากการเฝ้าระวังผู้ป่วย 4กลุ่มโรคได้แก่ กลุ่มโรคตาอักเสบ กลุ่มโรคหลอดเลือดในหัวใจและหลอดเลือด กลุ่มโรคทางเดินหายใจทุกชนิดและกลุ่มโรคผิวหนัง. ระหว่างวันที่ 1 - 19 กันยายน 2562. มีผู้ป่วยรวมแล้วทั้งสิ้น. 11,837 คน