- Home
- Community
- กระแสชุมชน
- ทรัพยากร-สิ่งแวดล้อม
- ต่างชาติฮุบดินไทยแล้ว 1 ใน 3 หวั่นเปิดเสรีอาเซียนยิ่งหนัก
ต่างชาติฮุบดินไทยแล้ว 1 ใน 3 หวั่นเปิดเสรีอาเซียนยิ่งหนัก
“ศรีราชา” เผยดินไทย 1 ใน 3 ถูกต่างชาติฮุบผ่านนอมินี หวั่นนโยบายครัวโลกทำเกษตรกรเป็นแรงงานปลูกพืชบนดินไทยให้ฝรั่ง นักวิชาการเกรงเปิดอาเซียนยิ่งหนัก กรมที่ดินยอมรับ กม.จัดการไม่ได้
วันที่ 12 มี.ค. 55 คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา จัดสัมมนา “นิติกรรมอำพราง : ต่างชาติกับการถือครองที่ดิน” โดยนายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ปัญหาความมั่นคงของประเทศไทยมี 2 รูปแบบ คือ 1.ความมั่นคงทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งกำลังได้รับผลกระทบจากปัญหายาเสพติดที่บั่นทอนบุคคลากรระยะยาว 2.ความมั่นคงในที่ดิน ซึ่งมีปัญหาคือปัจจุบันที่ดินกว่า 1 ใน 3 ของประเทศหรือประมาณ 100 ล้านไร่อยู่ในมือคนต่างชาติ ซึ่งเป็นผลจากช่องโหว่ของกฎหมาย
“เพราะเราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจทำให้เกิดการถือครองที่ดินของชาวต่างชาติ ช่วงปี 2540 ได้เปิดช่องให้ชาวต่างชาติมีเงินเพียง 1 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกาเข้ามาถือครองที่ดินได้เป็นกรณีพิเศษ ทำให้วันนี้มีที่ดิน 1 ใน 3 ของประเทศถูกถือครองอำพรางโดยต่างด้าว ที่ดินแทบชายทะเล เช่น หาดบ้านเพ จ.ระยอง พบว่าเป็นของต่างชาติกว่า 90 % เช่นเดียวกับ หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พัทยา จ.ชลบุรี น่าอยู่ในมือต่างชาติ 30% ส่วนเกาะภูเก็ต เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ไม่ต้องพูดถึง”
ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวต่อว่า ลักษณะการถือครองที่ดินของต่างชาติมีหลายรูปแบบ เช่น สมรสกับคนไทย หรือตั้งบริษัทไทยและแปลงภาพภายหลัง แม้ว่ากฎหมายจะกำหนดให้ต่างด้าวถือหุ้นได้ไม่เกิน 49 % แต่ในทางปฏิบัติกลับพบว่าจำนวนหุ้นอีก 51% ที่เหลือก็ถือครองในระบบนอมินี หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ คนไทยรุ่นหลังจะไม่มีที่อยู่
“การแก้ไขปัญหาจะต้องทบทวนการจำกัดถือครองที่ดิน และผลักดันภาษีที่ดินให้เพิ่มมากขึ้นเพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้ประโยชน์ในที่ดิน แต่เรื่องนี้เหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา เพราะคนรวยในระบอบนี้ไม่มีใครยอม รวมทั้งต้องสร้างเครือข่ายร่วมกันระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และต้องมีสินบนนำจับเพื่อแก้ปัญหาระยะยาว”
นายศรีราชา กล่าวอีกว่า ต้องจับตาแนวคิดในการเอาไทยเป็นครัวของโลก ซึ่งเป็นช่องทางให้เกิดการถือครองที่ดินของต่างชาติ เช่น ออสเตรเลียพยายามเอาผลไม้ไทยไปปลูกในประเทศตัวเองแต่ไม่สำเร้จ จึงมาขอเช่าที่ดินในไทยปลูก ต่อไปจะมีนักการเมืองบางคนสนับสนุนให้ประเทศตะวันออกกลางเอาข้าวหอมมะลืไทยไปตีตราเป็นภาษาตะวันออกกลาง หากไม่สำเหนียกในการคุ้มครองสิทธิชาวนาไทย ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้มาจากฝ่ายบริหารของประเทศที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ทำให้ต่างชาติเข้ามาปลูกพืชของไทยบนแผ่นดินไทย แต่ส่งผลผลิตกลับประเทศเขาและ คนไทยจะเป็นเพียงแรงงานเท่านั้น
ด้าน น.ส.ปิยะนุช โปตะวณิช อาจารย์คณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า สิ่งที่น่ากลัวมากคือการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 ซึ่งจะมีการเปิดเศรษฐกิจเสรีเพื่อกระตุ้นการลงทุนในภูมิภาค เกรงว่าจะกลายเป็นช่องว่างให้เกิดกระบวนการนิติกรรมอำพรางของต่างชาติเพื่อเข้ามาถือครองที่ดินในไทย อยากให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจับตามองเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งทางการเงินมาก
“ปัญหาตอนนี้คือทำอย่างไรให้หน่วยงานตรวจสอบของเรามีประสิทธิภาพ เสนอให้กำหนดข้อห้ามออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร บูรณาการข้อมูล ออกกฎหมายการกระทำความผิดของตัวแทนกระทำอำพราง รวมไปถึงมาตรการบังคับใช้กฎหมายให้เข้มแข็ง หรือเนรเทศชาวต่างชาติที่กระทำความผิด”
ขณะที่นายสุจิต จงประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักมาตรฐานการทะเบียนที่ดิน กรมที่ดิน กล่าวว่า การพิสูจน์การถือครองที่ดินของต่างชาติทำได้ยาก เพราะถ้าผู้ที่เข้ามาจดทะเบียนได้ยื่นเอกสารและมีคุณสมบัติตามกฎหมาย เช่น ไม่ใช่เป็นคนต่างด้าว เป็นทรัพย์สินส่วนตัว ก็สามารถจดทะเบียนได้ ยอมรับว่าตอนนี้มีหลายรูปแบบในการเข้ามาถือครอง เช่น การจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติ แต่กระบวนการพิสูจน์ว่าทรัพย์สินที่นำมาซื้อที่ดินเป็นสินสมรสหรือส่วนตัว ประกอบกับกฎหมายเปิดโอกาสให้ผู้หญิงที่สมรสแล้วสามารถใช้คำนำหน้านามว่านางสาวได้ยิ่งเป็นปัญหา เพราะตรวจสอบได้ยากมากว่าเป็นนอมีนีหรือไม่ นอกจากนี้แต่ละวันมีผู้เข้ามาจดทะเบียนกับกรมที่ดินเยอะมาก การตรวจสอบจึงมีข้อจำกัด
ด้าน พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ปปง.เป็นหน่วยงานที่ต้องรับรายงานการทำธุรกรรมการซื้อขายที่ดินด้วยเงินสดเกิน 2 ล้านบาท แต่ตอนนี้พบว่ามีการเลี่ยงกฎหมายด้วยการทำขนาดของธุรกรรมให้เล็กลงโดยไม่ให้เกิน 2 ล้านบาทเพื่อไม่ต้องรายงาน ปปง. เพราะฉะนั้นการแก้ไขปัญหาจำเป็นอย่างยิ่งต้องได้รับความร่วมมือจากกรมที่ดิน
นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่ากรณีคนไทยเป็นนอมินีถือครองที่ดินแทนต่างชาติมีมานานแล้ว แต่การตรวจสอบที่ผ่านมาพบว่าพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปไม่ถึง จึงไม่สามารถดำเนินการได้
“เช่น ผู้หญิงไทยแต่งงานกับชาวต่างชาติ และซื้อที่ดิน ก็ตรวจสอบยาก กรมที่ดินก็จะความเห็นจากหลายฝ่ายเพื่อหาวิธีแก้จุดอ่อนเรื่องข้อกฎหมาย จากตัวเลขล่าสุดปี 2554 มีการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินที่พบว่าออกโดยไม่ชอบของชาวต่างชาติ นอมินี เอกสารไม่ถูกต้อง 9-10 ราย” อธิบดีกรมที่ดิน กล่าว .