- Home
- Community
- กระแสชุมชน
- ทรัพยากร-สิ่งแวดล้อม
- เครือข่ายปชช. 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง บุก “ช.การช่าง-ไทยพาณิชย์” จี้ยุติโครงการ “เขื่อนไชยะบุรี
เครือข่ายปชช. 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง บุก “ช.การช่าง-ไทยพาณิชย์” จี้ยุติโครงการ “เขื่อนไชยะบุรี
เครือข่ายปชช. 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง บุก “ช.การช่าง-ไทยพาณิชย์” จี้ยุติโครงการ “เขื่อนไชยะบุรี” ชี้กระทบ ระบบนิเวศน์-วิถีชีวิต”หนัก ยกบทเรียนเขื่อนจีนทำพินาศมาแล้ว เรียกร้อง 4 ข้อ หยุดสร้าง-แบงก์ระงับสินเชื่อ-ตลท.ตรวจสอบธรรมาภิบาลบ.จดทะเบียน-กฟผ. ระงับสัญญาซื้อไฟฟ้า เตรียมยื่นหนังสือถึงรบ.-บุกเอ็มอาร์ซีภูเก็ต ขู่ ฟ้องศาลปกครอง เชื่อ “กฟผ.” เข้าข่ายรัฐวิสาหกิจ ฟ้องได้ แม้เป็นโรงการลงทุนนอกประเทศ
เมื่อวันที่ 24 เมษายน เครือข่ายประชาชน 8 จังหวัด ลุ่มแม่น้ำโขง ประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี กว่า 500 คน ได้รวมตัวเรียกร้องให้ยุติโครงการก่อส้างเขื่อนไชยะบุรีขวางกั้นแม่น้ำโขงในช่วงสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเพื่อใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า โดยเครือข่าบประชาชนทกเพศทุกวัย ได้ยื่นหนังสือต่อผู้เกี่ยวข้องและรับผิดชอบการดำเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนไชยะบุรี โดยในเวลา 09.00 น. ได้รวมตัวกันด้านหน้าอาคารที่ทำการของบริษัท ช.การช่าง จำกัด(มหาชน) ถนนอินทามะระ เพื่อยื่นหนังสือถึงประธานกรรมการบริษัท ช.การช่าง จำกัด(มหาชน) รวมทั้งผู้ถือหุ้นบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เสร็จแล้วเดินทางต่อไปยังอาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ ถนนวิภาวดี เพื่อยื่นหนังสือถึงประธานธนาคารไทยพาณิชย์ในฐานะเป็นผู้ให้สินเชื่อลงทุนก่อสร้าง
ทั้งนี้เครือข่ายประชาชนได้สวมเสือสีดำ ข้อความ “No Dam Mekong” เพื่อแสดงสัญลักษณ์การไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างเขื่อนไชยะบุรีซึ่งจะสร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ลุ่มแม่น้ำโขงทั้งปัญหาน้ำโขงแห้งขอดที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วจากการก่อสร้าเขื่อนขนาดใหญ่ขวางลำน้ำโขงในช่วงประเทศจีนโดยเฉพาะช่วงหน้าแล้งที่เขื่อนจำเป็นต้องกักน้ำไว้ผลิตกระแสไฟฟ้า รวมถึงผลกระทบระบบนิเวศน์พันธุ์ปลาซึ่งเป็นแหล่งอาหารของประชากรลุ่มน้ำโขงที่ถูกทำลาย ฯลฯ นอกจากนี้ตัวแทนเครือข่ายจังหวัดต่างๆ ยังสลับขึ้นปราศรัยอธิบายถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นโดยหญิบยกประเทศผลกระทบต่อความอุดมสมบูรณ์ในระดับภูมิภาคและวิถีชีวิตประชากรลุ่มน้ำโงที่ต้องเปลี่ยนแปลงไป ทั้งนี้เครือข่ายได้ทำหุ่นจำลองพันธุ์ปลาแม่น้ำโขงมาแสดงด้วย อาทิ ปลาบึก ปลาตะเพียน ตลอดจนปลาหายากต่างๆ ก่อนที่ผู้เฒ่าผู้แก่จะทำพิธี “สืบชะตาปลาแม่น้ำโขง” ตามความเชื่อลุ่มน้ำโงแต่โบราณ ที่ด้านหน้าอาคารบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) และอาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารไทยพาณิชย์ ท่ามกลางความสนใจจากสื่อมวลชนหลายเขนง โดยเฉพาะเสื่อต่างประเทศหลายสำนักที่เกาะติดนำเสนอข่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายประชาชน 8 จังหวัดลุ่มแม่น้ำโขง ได้ออกแถลงการณ์ประณามการฝ่าฝืนมติเอ็มอาร์ซีกรณีการเดินหน้าก่อสร้างเขื่อนไชยะบุรี ระบุตามที่บริษัท ช.การช่างฯ ได้ลงนาม กับ บริษัทไซยะบุรีพาวเวอร์ เพื่อลงทุน ก่อสร้าง และพัฒนาโครงการเขื่อนไซยะบุรี บนแม่น้ำโขงสายหลัก และวางแผนที่จะส่งไฟฟ้าขายให้แก่ประเทศไทย นั้น เครือข่ายภาคประชาชน 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง มีความกังวลใจอย่างยิ่งต่อโครงการเขื่อนไซยะบุรีที่กำลังดำเนินการ โดยชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำโขงมองว่า โครงการก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรีจะสร้างผลกระทบร้ายแรงต่อ ระบบนิเวศลุ่มน้ำโขง การอพยพของพันธุ์ปลา การประมง การเกษตร และความมั่นคงทางอาหารของชุมชนสองฝั่งแม่น้ำโขง ที่มีแม่น้ำโขงเป็นสายเลือดหล่อเลี้ยงชีวิต อันจะส่งผลไปสู่การบังคับให้อพยพย้ายถิ่น และการขาดแคลนอาหาร ตลอดทั้งอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงดินแดนของประเทศด้วย
แถลงการณ์ระบุอีกว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ชาวบ้านได้รับรู้ถึงผลกระทบของการสร้างเขื่อน 4 แห่ง ในประเทศจีน ซึ่งกั้นแม่น้ำโขงทางตอนบน ที่แม้จะอยู่ห่างไกลกว่าโครงการเขื่อนไซยะบุรี แต่ได้สร้างผลกระทบต่อคนลุ่มน้ำโขงตอนล่างอย่างชัดเจน รวมทั้งส่งผลต่อดินแดนของประเทศอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสันดอนทรายในลำน้ำโขง และหากมีการสร้างเขื่อนไซยะบุรีสำเร็จ จะเกิดผลกระทบไม่เพียงแต่ประชาชนในประเทศไทยเท่านั้น แต่จะส่งผลกระทบต่อ ประชาชนริมแม่น้ำโขงในลาว กัมพูชา และเวียดนาม รวมถึงคนริมฝั่งแม่น้ำสาขาของแม่น้ำโขง อีกมากขึ้นยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ เขื่อนไซยะบุรีจะทำลายระบบนิเวศอันอุดมสมบูรณ์ของลุ่มน้ำโขงตอนล่าง และวิถีชีวิตของคนริมฝั่งโขงหลายล้านคน
“ที่สำคัญ การเดินหน้าก่อสร้างโครงการของ บริษัท ช.การช่าง ได้ละเมิดมติคณะมนตรีแม่น้ำโขง ซึ่งสมาชิก 4 ประเทศลุ่มน้ำโขง อันได้แก่ ไทย ลาว เวียดนาม และกัมพูชา ประชุมกัน เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2554 ที่ประเทศกัมพูชา โดยที่ประชุมมีมติให้ ศึกษาผลกระทบจากเขื่อนบนแม่น้ำโขงอย่างรอบด้าน และยังไม่ให้ฉันทามติ ต่อการก่อสร้างโครงการเขื่อนไซยะบุรี แต่อย่างใด การลงนามในสัญญาก่อสร้างโครงการเขื่อนไซยะบุรี การดำเนินการก่อสร้างตามโครงการดังกล่าว จึงไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างประเทศของภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งในภูมิภาคได้ในระยะเวลาอันใกล้”แถลงการณ์ระบุ
ดังนั้น เครือข่ายภาคประชาชน 8 จังหวัดลุ่มน้ำโขง จึงขอเรียกร้องให้ยกเลิกโครงการสร้างเขื่อนไซยะบุรีทันที เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน และกลายเป็นประเด็นสร้างความขัดแย้งในภูมิภาค และคาดหวังว่า จะไม่คำนึงถึงผลประโยชน์เชิงธุรกิจของตนแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยทำลายวิถีชีวิตของคนลุ่มน้ำโขงกว่า 60 ล้านคน ที่สำคัญคือ ควรเคารพภูมินิเวศน์ วัฒนธรรมของชุมชน เพื่อให้สังคมสุวรรณภูมิอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขต่อไป โดยมีข้อเรียกร้องดังนี้ 1.ให้บริษัท ช. การช่าง หยุดโครงการทันที พร้อมทั้งระงับการก่อสร้างในพื้นที่จนกว่าการศึกษาผลกระทบของเอ็มอาร์ซีจะแล้วเสร็จมีการเผยแพร่และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างมีส่วนร่วมรอบด้าน 2.ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ระงับสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากเขื่อนไชยะบุรี เนื่องจากโครงการยังไม่ได้รับฉันทามติจากประเทศสมาชิกเอ็มอาร์ซีทั้ง 4 ประเทศ 3.ให้ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงเทพ ระงับและยกเลิกการปล่อยสินเชื่อเพื่อการก่อสร้างเขื่อนไชยะบุรี เพื่อหยุดสนับสนุนการลงทุนที่ฉวยโอกาส และ4.ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยควรเข้าไปตรวจสอบบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มห้คำนึงถึงหลักธรรมาภิบาลในการลงทุน เพื่อให้เป็นไปตามหลักสากล โดยเฉพาะมาตรฐานด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม
ด้านนายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว หรือ ครูตี๋ ประธานเครือข่ายอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและวัฒนธรรมลุ่มน้ำโงล้านนา กล่าวว่า หวังว่าเมื่อผู้เกี่ยวข้องรบหนังสือจากภาคประชาชนไปแล้วจะไม่นำไปซุกไว้ แต่จะนำไปพิจารณา เพราะการเดินหน้าโครงการล่าสุด ถือว่าขัดแย้งกับมติที่ประชุมเอ็มอาร์ซีชัดเจน โดยเฉพาะเอ็มอาร์ซีให้มีการศึกษาผลกระทบต่อเนื่องถึง 10 ปี แต่ขณะนี้ บริษัทช. การช่าง กับบริษัทที่เกี่ยวข้องในลาว ได้เดินหน้าก่อสร้างต่อโดยไม่สนใจมติเอ็มอาร์ซี มีการย้ายชาวบ้านในเขตงาน และก่อสร้างพื้นที่หน้างานอย่างต่อเนื่อง ยืนยันว่าโครงการดังกล่าวเสี่ยงต่อผลกระบระบบนิเวศน์ และวิถีชีวิตลุ่มแม่น้ำโขงอย่างมหาศาล นอกจากนี้ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ที่จะมีการประชุมเอ็มอาร์ซีที่จังหวัดภูเก็ต เครือข่ายอาจเดินทางไปยื่นข้อเรียกร้องด้วย
“หลังจากนี้ ทางเครือข่ายได้หารือกันโดยมีแนวโน้มยื่นหนังสือถึงรัฐบาล รวมถึงการพิจารณาการดำเนินการทางกฎหมายกับองค์กรของรัฐที่เกี่ยวข้อง แม่จะเป็นการลงทุนนอกประเทศของเอกชน หรือพื้นที่ก่อสร้างอยู่ในลาว แต่กฟผ.ซึ่งถือเป็นรัฐวิสาหกิจไปเซ็นสัญญาซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไชยะบุรี ซึ่งเป็นเขื่อนที่ก่อสร้างละเมิดหลักธรรมาภิบาล จึงเข่าข่ายฟ้องศาลปกครองได้ โดยทางเครือข่ายจะพิจารณารวบรวมรายชื่อประชาชน เพื่อยื่นฟ้องกฟผ.ต่อศาลปกครองต่อไป”นายนิวัฒน์กล่าว