- Home
- Community
- กระแสชุมชน
- ทรัพยากร-สิ่งแวดล้อม
- ชาวบ้าน ฟ้องกรมอุทยานฯ ถอนโมเดลปรับโลกร้อน-จี้นายกฯสานโฉนดชุมชน
ชาวบ้าน ฟ้องกรมอุทยานฯ ถอนโมเดลปรับโลกร้อน-จี้นายกฯสานโฉนดชุมชน
ชาวบ้านตรัง เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ รวมพล ยื่นศาลปกครอง ถอนโมเดลปรับค่าโลกร้อนกรมอุทยานฯ เหตุไม่น่าเชื่อถือ-รังแกคนจน 28 พ.ค. จี้ “ยิ่งลักษณ์” แก้ปัญหาที่ดิน-สานต่อโฉนดชุมชน
นายบุญ แซ่จุ่ง ผู้ประสานงานเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัด เปิดเผยว่า วันที่ 28 พ.ค.55 นี้ เครือข่ายฯ และองค์กรชุมชนบ้านพรสวรรค์ จ.เชียงใหม่ เครือข่ายองค์กรชาวบ้านอนุรักษ์ลุ่มน้ำเซิน เครือข่ายองค์กรชาวบ้านอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าภูผาแดง จ.เพชรบูรณ์ มูลนิธิอันดามัน และชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบการนำแบบจำลองคณิตศาสตร์สำหรับประเมินค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อม หรือแบบจำลองคดีโลกร้อนที่นักวิชาการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินการฟ้องร้องกับเกษตรกรและชุมชนที่มีพื้นที่พิพาททับซ้อนเขตป่าทั่วประเทศประมาณ 200 คน จะเดินทางไปที่ศาลปกครอง
เพื่อยื่นฟ้องกรมอุทยานฯ ให้เพิกถอนคำสั่งการใช้แบบจำลองคดีโลกร้อน เพราะการคำนวณค่าความเสียหายขาดความน่าเชื่อถือ และชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรม นายบุญ กล่าวต่อว่า จากการให้ความคิดเห็นทางวิชาการอิสระด้านวิทยาศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ 16 คน ถึงข้อมูลผลการประเมินรายงานวิจัยแบบจำลองคดีโลกร้อนดังกล่าว ระบุว่าการวิจัยยังไม่เคยผ่านการตรวจสอบคุณภาพและความถูกต้องทางวิชาการจากนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่เหมาะสมมีข้อต้องปรับปรุงหลายประการ
หลังจากยื่นฟ้องศาลปกครองแล้ว ชาวบ้านทั้งหมดจะเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกร้องให้เร่งรัดให้แก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน และสานต่อนโยบายโฉนดชุมชน ตามที่ได้แถลงนโยบายรัฐบาลเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 55 ในข้อ 5.4 ระบุว่ารัฐบาลจะสร้างความเป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำในการใช้ประโยชน์ที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ การปฏิรูปการจัดการที่ดินจะเกิดขึ้นได้จะต้องทำให้เกิดการกระจายสิทธิในที่ดินอย่างยั่งยืน แนวทางสำคัญคือจะใช้มาตรการทางภาษีและจัดตั้งธนาคารที่ดินให้แก่คนจนและเกษตรกรรายย่อย จะผลักดันกฎหมายในการรับรองสิทธิของชุมชนในการจัดการทรัพยากร ที่ดิน น้ำ ป่าไม้ และทะเล จะทำให้เกิดการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อแก้ไขปัญหาการดำเนินคดีโลกร้อนกับคนจน
“มติคณะรัฐมนตรีสัญจร 20 พ.ค. 55 ที่กาญจนบุรี อนุมัติงบประมาณ 50,128,000 บาท เพื่อดำเนินการตามโครงการปราบปรามการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และพื้นที่ต้นน้ำลำธารเพื่อปลูกไม้ยางพาราในท้องที่จังหวัดภาคใต้ ให้กรมอุทยานฯ ซึ่งก่อนหน้านี้กรมอุทยานฯ ได้บุกตัดฟันต้นยาง รื้อสะพาน และจับชาวบ้านที่นำหมากแห้ง เห็ดแครง ชุมชนในเครือข่ายปฏิรูปที่ดินเทือกเขาบรรทัดที่นำร่องดำเนินการโฉนดชุมชน” นายบุญ กล่าว
สำหรับแบบจำลองคณิตศาสตร์ประเมินค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อม หรือแบบจำลองคดีโลกร้อนที่นักวิชาการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ใช้เป็นหลักในการเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่งจากเกษตรกร ประกอบด้วย
1. การทำให้ธาตุอาหารในดินสูญหาย คิดค่าเสียหาย 4,064 บาท/ไร่/ปี เป็นการคิดค่าใช้จ่ายในการซื้อแม่ปุ๋ยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม ขึ้นไปโปรยทดแทน
2. ทำให้ดินไม่ดูดซับน้ำฝน 600 บาท/ไร่/ปี
3. ทำให้น้ำสูญเสียออกไปจากพื้นที่โดยการแผดเผาของดวงอาทิตย์ 52,800 บาท/ไร่/ปี คำนวณจากการเปลี่ยนแปลงความสูงของน้ำจาก 3 ส่วน คือ น้ำที่ดินไม่ ดูดซับน้ำจากการระเหย และฝนตกน้อยลง คิดเป็นปริมาตรน้ำทั้งหมดต่อพื้นที่ 1 ไร่ แล้วคิดเป็นค่าจ้างเหมารถบรรทุกเอาน้ำไปฉีดพรมในพื้นที่เดิม
4. ทำให้ดินสูญหาย 1,800 บาท/ไร่/ปี คิดเป็นค่าใช้จ่ายในการบรรทุกดินขึ้นไปและปูทับไว้ที่เดิม
5. ทำให้อากาศร้อนมากขึ้น 45,453.45 บาท/ไร่/ปี คำนวณจากปริมาตรของอากาศในพื้นที่ที่เสียหายเอามาคูณด้วยความหนาแน่น (1.153 คูณ 10-3 ตัน/ลูกบาศก์เมตร) เพื่อหามวลของอากาศ แล้วใช้มวลหาปริมาณความร้อนที่ต้องปรับลด หลังจากนั้นเอาจำนวน B.Th.U. ของเครื่องปรับอากาศขนาด 1 ตัน (3,024,000 แคลอรี่/ชั่วโมง) มาหารเพื่อจะได้รู้ว่าต้องใช้เครื่องปรับอากาศเท่าไหร่ แล้วคิดค่ากระแสไฟฟ้าสำหรับเดินเครื่องปรับอากาศเพื่อให้อุณหภูมิของอากาศเย็นลงเท่ากับพื้นที่ป่าปกคลุม
6. ทำให้ฝนตกน้อยลง คิดเป็นค่าเสียหาย 5,400 บาท/ไร่/ปี
7. มูลค่าความเสียหายทางตรงจากป่า 3 ชนิด คือ การทำลายป่าดงดิบค่าเสียหายจำนวน 61,263.36 บาท การทำลายป่าเบญจพรรณค่าเสียหายจำนวน 42,577.75 บาท และการทำลายป่าเต็งรังค่าเสียหาย 18,634.19 บาท
เมื่อนำค่าเฉลี่ยของมูลค่าความเสียหายทางตรงจากป่า 3 ชนิด มีค่าเท่ากับ 40,825.10 บาท/ไร่/ปี มารวมกับมูลค่าความเสียหายทางสิ่งแวดล้อม 1-6 จำนวน 110,117.60 บาท/ไร่/ปี รวมมูลค่าทั้งหมดเท่ากับ 150,942.70 บาท/ไร่/ปี แต่เพื่อความสะดวกของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ค่าเสียหายจำนวน 150,000 บาท/ไร่/ปี .