- Home
- Community
- สกู๊ป-สารคดีข่าว
- 3 โมเดล “จังหวัด-อำเภอจัดการตนเอง”...ฝันที่เป็นจริง?
3 โมเดล “จังหวัด-อำเภอจัดการตนเอง”...ฝันที่เป็นจริง?
“แม่สอด”เขตเศรษฐกิจพิเศษเมืองหน้าด่านตะวันตก “เชียงใหม่มหานคร”ชูสภาพลเมืองถ่วงดุลรัฐท้องถิ่น “มหานครปัตตานี”การปกครองภายใต้ความขัดแย้ง 3บริบทความแตกต่างสู่การจัดการตนเอง
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540และพ.ศ.2550 เปิดโอกาสให้มีการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ซึ่งมีโครงสร้างการบริหารที่แตกต่างไปจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบปกติ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการในพื้นที่ ซึ่งมีปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคมที่แตกต่างและหลากหลายได้อย่างเหมาะสม เช่นเดียวกับกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา
ในวาระผ่านพ้น 1 ทศวรรษการกระจายอำนาจ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดสัมมนาคลื่นลูกที่สองของการกระจายอำนาจบริบทใหม่ ความจำเพาะของพื้นที่และการเคลื่อนไหวเพื่อจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น “ศูนย์ข่าวเพื่อชุมชน สำนักข่าวอิศรา” นำเสนอรูปแบบท้องถิ่นพิเศษในบริบทที่หลากหลายแตกต่างกัน
ความเป็นมาท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ-จังหวัดจัดการตนเอง
สถาบันพระปกเกล้าภายใต้ความร่วมมือทางวิชาการกับสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme : UNDP) ระบุในเอกสารเผยแพร่ทางวิชาการว่า องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ หมายถึง ท้องถิ่นที่มีกฎหมายจัดตั้งขึ้นเพื่อให้เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีรูปแบบการบริหารจัดการแตกต่างจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีอยู่เดิมเพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในท้องถิ่น และตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการบริหารจัดการภายใต้หลักการ 4 ประการ คือ1.การสร้างเอกภาพของการบริหารเมืองให้บทบาทตามภารกิจและทิศทางการพัฒนาในอนาคต 2.การสร้างดุลยภาพส่งเสริมคุณภาพชีวิตของคนในเมือง 3.การกำหนดขนาดเมืองที่เหมาะสมเพื่อสามารถขยายเมืองในอนาคต 4. การมีระบบชดเชยการเสียประโยชน์จากการพัฒนาและความเสียหายให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรม
แม่สอดกับศักยภาพการค้าชายแดนไทย-พม่า
อำเภอแม่สอด จังหวัดตากมีประชากรรวม 64,734 คน จำนวนครัวเรือนทั้งหมด 10,4062 ครัวเรือน จำนวนประชากรแฝง 300,000 คน การเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมและการค้าชายแดนเป็นไปอย่างรวดเร็ว เกิดการหลั่งไหลแรงงานต่างชาติเข้ามาจำนวนมาก ปัจจุบันรัฐบาลจัดสรรงบประมาณจำกัดไม่สามารถรองรับความเจริญได้
รศ.วุฒิสาร ตันไชย รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า จุดเด่นของแม่สอดค่อนข้างสูงในการตั้งเป็นท้องถิ่นพิเศษ โดยเฉพาะสภาพภูมิศาสตร์ที่พื้นที่ชายแดนมีเส้นทางเชื่อมต่อกับพม่าที่เมืองเมียวดี เมืองหน้าด้านของประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังเติบโตตามนโยบายส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลพม่า อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการค้าชายแดน มูลค่านำเข้า-ส่งออกเติบโตต่อเนื่อง มีรายได้จากการเก็บภาษีค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น มีแหล่งอุตสาหกรรมและงานฝีมือ ต้นทุนในการพัฒนาอุตสาหกรรมต่ำมีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ทั้งป่าไม้และแร่ธาตุ มีทรัพยากรการท่องเที่ยวที่หลากหลายมีความหลากหลายทางชาติพันธุ์แต่ไม่มีความขัดแย้งที่เอื้อต่อการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวด้วย
นอกจากนี้เมืองหน้าด่านชายแดนตะวันตกแห่งนี้ยังอยู่กึ่งกลางการขนส่งสินค้าจากทุกภูมิภาคไปยังชายแดนตะวันตกของไทยในระบบต้นทุนต่ำหรือโลจิสติกส์ เป็นถนนสายเศรษฐกิจตะวันตก-ตะวันออก เป็นประตูสู่อันดามัน ผ่านพม่า-บังกลาเทศ-ตะวันออกและยุโรป-อินเดีย การตั้งเป็นนครแม่สอดเป็นไปตามร่างพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแม่สอด โดยจะมีการยุบรวมเทศบาลนครแม่สอดและเทศบาลตำบลท่าสายลวดจัดตั้งเป็นนครแม่สอดพื้นที่รวม 37.30 ตร.กม.
“นครแม่สอดมีฐานะเป็นนิติบุคคล มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ องค์การมีชื่อว่าองค์การบริหารพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ อพส.ที่ตั้งอยู่ระหว่างตำบลแม่ปะและตำบลท่าสายลวด บนพื้นที่ 5,603 ไร่เพื่อใช้เป็นที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรม โครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง ศูนย์ขนถ่ายและกระจายสินค้า คลิงสินค้า ศูนย์การค้าเบ็ดเสร็จ การตรวจปล่อยจุดเดียว และด่านศุลกากร”
รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงโครงสร้างการบริหารงานว่า สภานครแม่สอดทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติมีสมาชิกมาจากการเลือกตั้ง 36 คนจาก 12 เขตๆละ 3 คน มีประธาน 1 คน รองประธาน 2 คนมีวาระ 4 ปี นายกนครแม่สอดมาจากการเลือกตั้งมีวาระ 4 ปี คณะกรรมการที่ปรึกษาและพัฒนานครแม่สอดมีจำนวน 21 คนมาจากส่วนราชการผู้ว่าฯแต่งตั้ง 7 คน ผู้แทนภาคเอกชนแต่งตั้งโดยนายกนครแม่สอด 7 คนและผู้ทรงคุณวุฒิแต่งตั้งโดยสภานครแม่สอด 7 คนมีวาระ 6 ปี ส่วนอำนาจหน้าที่นครแม่สอดก็เป็นไปตามระเบียบของเทศบาลและอบจ. ส่วนรายได้มาจากภาษีโรงเรือน ค่าบำรุงท้องที่ ค่าธรรมเนียมจดทะเบียน ภาษีป้าย ภาษีการพนัน อากรฆ่าสัตว์ อากรรังนกอีแอ่น ภาษีสิ่งแวดล้อม ภาษีการศึกษา ภาษีรถยนต์ ภาษีบำรุงท้องที่ และภาษีอื่นตามกฎหมายกำหนด ขณะที่รายได้อื่นมาจากเงินอุดหนุนรัฐบาล ค่าธรรมเนียมค่าใบอนุญาต รายได้จากทรัพย์สินนครแม่สอด รายได้จากการพาณิชย์หรือวิสาหกิจของนครแม่สอด ค่าตอบแทนหรือค่าบริการ เงินและทรัพย์สินผู้บริจาค เงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ ฯลฯ
“ครม.มีมติตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดและเห็นชอบการจัดตั้งคณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดเมื่อวันที่ 19 ต.ค.54 ความคืบหน้าล่าสุดร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารงานฯผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการกระจายอำนาจฯแล้วเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ปีที่ผ่านมา เพื่อเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี แต่เนื่องจากเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ คณะกรรมการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดชุดเดิมพ้นสภาพ มีการแต่งตั้งคณะกรรมการฯชุดใหม่ เสนอให้มีการทบทวนหลักการแนวทางการจัดตั้งใหม่อีกครั้ง คาดว่าจะมีความคืบหน้าเร็วๆนี้” รศ.วุฒิสาร ตันไชย กล่าว
เชียงใหม่มหานครสู่จังหวัดจัดการตนเอง
บุษยา คุณากรสวัสดิ์ คณะทำงานเครือข่ายเชียงใหม่จัดการตนเอง กล่าวว่า การนำเสนอโครงสร้างเชียงใหม่มหานคร พื้นที่จัดการตนเองมีเป้าหมายปรับความสัมพันธ์ทางอำนาจระหว่างรัฐบาลกลางกับท้องถิ่นและท้องถิ่นโดยท้องถิ่นในมิติที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่ได้เป็นหน่วยสาขาของรัฐส่วนกลางจึงจำเป็นต้องให้อิสระแก่ท้องถิ่นในการกำหนดทิศทาง ตัดสินใจและพัฒนาคุณภาพชีวิต สิ่งแวดล้อม โดยมีอำนาจในการจัดการงบประมาณ รับเงินอุดหนุนจากรัฐกลางอย่างเพียงพอ รัฐบาลกลางให้มีหน้าที่เพียงกำหนดมาตรฐานกลาง และตรวจสอบการดำเนินการในความสัมพันธ์ “เสมอ เสนอ สนับสนุน”
ในส่วนการกระจายอำนาจการคลัง รัฐบาลกลางต้องสนับสนุนให้ท้องถิ่นสามารถกำหนดทิศทางการคลังของท้องถิ่นทั้งรายรับ รายจ่าย มีรายได้จากภาษีมากขึ้นและจัดสรรให้ส่วนกลางน้อยลงเพื่อให้เกิดการพึ่งตนเอง โครงสร้างประกอบด้วย ฝ่ายสภาเชียงใหม่มหานครมาจากการเลือกตั้ง ฝ่ายบริหาร/ฝ่ายปฏิบัติ รวมทั้งหัวหน้าฝ่ายบริหารมาจากการเลือกตั้งโดยตรง ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปที่มา อาจเป็นผู้ว่าหรือนายกอบจ.ฯลฯ ทั้งนี้ให้มีบทบาทหน้าที่ การตัดสินใจ ภารกิจ การดำเนินงานมากกว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)เดิม เนื่องจากมีภารกิจที่ชัดเจนขึ้นไม่ทับซ้อนกับอำนาจหน้าที่ของหน่วยราชการในพื้นที่
คณะทำงานเครือข่ายเชียงใหม่จัดการตนเอง ยังได้ระบุถึงโครงสร้างการทำงานของเชียงใหม่มหานครอีกว่า การเกิดขึ้นของสภาพลเมือง เป็นมิติทางการทำงานควบคู่กับองค์กรท้องถิ่นของภาคประชาชนที่เป็นรูปธรรมมีหน้าที่พัฒนาชุมชน สนับสนุนความเข้มแข็งภาคประชาชนทำแผนพัฒนาท้องถิ่น ติดตามตรวจสอบนโยบายรัฐท้องถิ่น การวิจัย การพัฒนาองค์ความรู้ของภาคประชาชนโดยใช้ความรู้ในการขับเคลื่อนและการสร้างนวัตกรรมร่วมกับท้องถิ่น
“เชียงใหม่มหานครเป็นการพัฒนามุมมองใหม่ๆในการทำงานการพัฒนาการเมืองท้องถิ่น รวมทั้งการทำหน้าที่สื่อสารสาธารณะเพื่อรณรงค์เผยแพร่เรื่องราวสู่สังคมของสภาพลเมืองที่จะเป็นหน่วยงานอิสระ เน้นการให้บริการสาธารณะ การบริหารอิสระจากการเมืองและได้รับงบจากสภาเชียงใหม่ด้วย”
มหานครปัตตานีท้องถิ่นพิเศษดับไฟใต้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในฐานะผู้อำนวยสถานวิจัยความขัดแย้งและความหลากหลายทางวัฒนธรรมภาคใต้ (CSCD) กล่าวว่า ภาคประชาชน องค์กรอิสระในพื้นที่กว่า 20 องค์กรเสนอลักษณะเด่นโครงสร้างจังหวัดจัดการตนเอง 6 แนวทางคือ การบริหารงานท้องถิ่นผ่าน ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต) โดยมีโครงสร้างคือเลขาธิการที่มาจากการแต่งตั้งโดยมีผู้ว่าฯที่มาจากการแต่งตั้งดูแลในรายจังหวัด มีอบจ. เทศบาล อบต.เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จุดเด่นอยู่ที่ความเป็นเอกภาพในการบริหารราชการ เป็นนิติบุคคล เลขาธิการสามารถโยกย้ายข้าราชการที่ประพฤติไม่เหมาะสมออกจากพื้นที่
“การจัดตั้งเป็นทบวงหรือกระทรวงสามจังหวัดภาคใต้โดยให้คงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไว้ และให้มีรัฐมนตรีทบวงบริหารสูงสุด มีรองปลัดทบวงเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งภาคประชาชนที่เสนอมองว่ามีข้อดีที่แนวทางนี้จะเป็นการถ่วงดุลอำนาจจากทุกฝ่าย”
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวอีกว่า แนวทางที่ 3 เป็นข้อเสนอตั้งเป็นสามนครคือสามนครที่หนึ่ง ลักษณะเด่นผู้ว่าฯมาจากการเลือกตั้งเป็นรายจังหวัด ยังคงมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้มีสภามาจากการเลือกตั้ง มีคณะกรรมการประสานงานระหว่างส่วนกลางกับท้องถิ่น แต่ทั้งนี้หลายฝ่ายก็เกรงว่าแนวทางนี้จะเปิดช่องให้ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เข้าสู่อำนาจได้ง่าย
“สามนครที่สองลักษณะเด่นให้ผู้ว่าฯมาจากการเลือกตั้งเป็นรายจังหวัด โดยยกเลิกเทศบาล อบจ.และอบต. แล้วปรับจังหวัดให้เป็นรูปแบบพิเศษคล้ายกรุงเทพมหานคร โครงสร้างเช่นเดียวกับสามนครหนึ่งแต่อาจมีแรงต้านจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดิมตามมา”
อย่างไรก็ตามสองทางเลือกสุดท้าย ดร.ศรีสมภพ บอกว่า ภาคประชาชนเสนอแนวทางให้ตั้งเป็นมหานคร โดยรวมเอา 3 จังหวัดคือนราธิวาส ยะลา ปัตตานีเข้าด้วยกันเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขนาดใหญ่ มีผู้ว่าฯมาจากการเลือกตั้งและให้ลดขนาดอบจ.เทศบาลและอบต.ลง
“ทางเลือกที่ห้าเป็นมหานครแนวทางที่1นี้มีข้อเด่นนอกจากประชาชนจะได้เลือกผู้ว่าฯเองแล้วก็จะมีสภามหานครมีสภาเขตมีกรรมการประสานงานเป็นโครงสร้าง แต่ก็น่าเป็นห่วงในเรื่องการทับซ้อนของอำนาจผู้ว่าการมหานครกับอบจ.เทศบาลและอบต.”
เช่นเดียวกับทางเลือกสุดท้ายก็เสนอรวม 3 จังหวัดเข้าด้วยกัน แต่ให้ยกเลิกอบจ. เทศบาล และอบต. ส่วนโครงสร้างก็เป็นไปในลักษณะเดียวกัน จะเพิ่มมาก็ตรงที่แนวทางนี้ให้มีสภาประชาชนและคณะผู้อาวุโสทางคุณธรรม จริยธรรม ส่วนข้อวิจารณ์นอกจากหลายฝ่ายเป็นห่วงเรื่องของความไม่พร้อมของประชาชนและการเข้าสู่อำนาจของผู้มีอิทธิพล เห็นจะหนีไม่พ้นการต่อต้านจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดิมที่จะถูกทุบหม้อข้าวนั่นเอง
นั่นคือภาพโดยรวมของท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ จังหวัดจัดการตนเองในห้วงเวลาการกระจายอำนาจทศวรรษที่2กำลังเดินไปบนทางสองแพร่งของรัฐบาลและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่บริหารงานอยู่ส่วนกลางว่าจะเร่งรัดจัดหนักจัดเต็ม ออกกฎหมายรองรับตามที่นักวิชาการ องค์กรภาคประชาชน ท้องถิ่นเรียกร้องหรือจะปล่อยให้โครงสร้างเป็นไปตามรูปแบบเดิมที่อำนาจการจัดการทุกอย่างรวมศูนย์ไว้ทั้งหมดที่กรุงเทพมหานคร ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด