logo isranews

logo small 2

“ทำไมยืนข้างสุริยา” VS “ทำไมไม่ยืนข้างผม” คำต่อคำ “สมยศ VS ชัจจ์”ศึกชิงหุ้น 101 ล.

เขียนวันที่
วันศุกร์ ที่ 25 มกราคม 2556 เวลา 20:00 น.
เขียนโดย
isranews
หมวดหมู่

“ทำไมยืนข้างสุริยา” VS “ทำไมไม่ยืนข้างผม” ถอดความในใจ “สมยศ VS ชัจจ์”ศึกชิงหุ้น แอสเซ็ท มิลเลี่ยน 101 ล.


หลังภาพชุด “นางวิมลรัตน์ กุลดิลก” ภรรยา “พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ปรากฏตัว ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อให้ความช่วยเหลือ นายโดนัล เอียน แม็ค เบน ออกมาห้องเปลี่ยนเครื่องโดยสาร สนามบินสุวรรณภูมิ หลังถูกกักตัวไม่ให้เดินทางเข้าประเทศไทย ถูกเผยแพร่สู่สาธารณชน  

พร้อมกับ ข้อกล่าวหา จาก พล.ต.ท.ชัจจ์ ว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพุ่มพันธุ์ม่วง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้สั่งการให้บริวารไปดำเนินคดีกับนายโดนัลไม่ให้เดินทางเข้าประเทศได้ เพื่อเป็น พยาน ใน ในศึกแย่งชิง หุ้นบริษัท แอสเซ็ท มิลเลี่ยน จำกัด มูลค่า 101 ล้านบาท ที่ นางวิมลรัตน์ ยื่นฟ้องนายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน จำเลยที่ 1 (ต่อมาได้ถอนฟ้องนายสุริยา) นายธรรมนูญ ทองลือ จำเลยที่ 2 พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง (ยศขณะนั้น) จำเลยที่ 3 กับพวกรวม 10 คน

“ภรรยาผมถูกโกง ขณะที่นายโดนัลก็ถูกกลั่นแกล้ง เมื่อถูกคนโกงแล้วยังมารุกรานกัน ผมไม่กลัว และในวันสองวันนี้ผมจะฟ้องบุคคลที่ทำให้ผมเสียหายด้วย" พล.ต.ท.ชัจจ์ ระบุ

ในช่วงบ่ายวันที่ 25 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ได้ติดต่อไปยัง พล.ต.อ.สมยศ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

“เขาพูดไปเรื่อย ผมจะไปกลั่นแกล้งใครได้ยังไง”

พล.ต.อ.สมยศ ตอบสวนทันที เมื่อถูกถามว่า เป็นผู้อยู่เบื้อง การกักตัว นายโดนัล เอียน แม็ค เบน ไม่ให้เดินทางเข้าประเทศไทย เป็นพยาน คดีเพิกถอนโอนหุ้นบริษัท แอสเซ็ท มิลเลี่ยน จำกัด มูลค่า 101 ล้านบาท

“รู้หรือเปล่าว่า ทำไมฝรั่งคนนี้ ถึงถูกขึ้นบัญชีดำไม่ให้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย” พล.ต.อ.สมยศ ระบุ
ก่อนจะอธิบายว่า เหตุผลที่ทำให้ฝรั่งคนนี้ ถูกขึ้นบัญชีดำ เพราะถูกแจ้งความดำเนินการ ในข้อหาเป็นชาวต่างชาติเข้ามาทำงาน เป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัทในไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต หลังจากถูกแจ้งความ ก็ไปยอมเสียค่าปรับที่สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว จำนวน 3,000 บาท"

“ฝรั่งคนนี้ เขาเข้าใจว่า ถ้าเสียค่าปรับแล้ว ก็คงจบเรื่องไม่มีอะไร ผมได้ยินมาว่าเขายังไปบอกคนอื่นด้วยว่า ถ้ารู้ว่าเสียค่าปรับแค่ 3,000 บาท แล้วจบเรื่อง ยอมเสียค่าปรับทุกวันก็ได้

แต่ดูเหมือนฝรั่งรายนี้ จะเข้าใจผิด

พล.ต.อ.สมยศ ระบุว่า การที่ฝรั่งรายนี้ยอมเสียค่าปรับ ก็เท่ากับยอมรับว่าทำผิด กม. ไม่ต่อสู้อะไร กระบวนการขึ้นบัญชีดำจึงเริ่มต้นขึ้น

“การที่ชาวต่างชาติเข้ามาทำงานในไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต มันมีกฎหมายควบคุมดูแลอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการกระทบความมั่นคงทางเศรษฐกิจ หลังจากเสียค่าปรับ สำนักบริหารแรงงานต่างด้าว ก็ส่งเรื่องขึ้นบัญชีดำ ต่อไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อส่งเรื่องต่อไปให้กระทรวงมหาดไทยอีก โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ลงนามในคำสั่งครั้งขึ้นบัญชีดำ”

“ถ้าจำไม่ผิด รมว.กระทรวงมหาดไทย ยุคนั้น คือ ท่านชวรัตน์ (ชาญวีรกูล) ซึ่งผมอยากจะถามหน่อยว่า ผม ในขณะนั้น มีอำนาจอะไรจะไปสั่งการหน่วยงานหรือรัฐมนตรีได้ ”

พล.ต.อ.สมยศ ระบุด้วยว่า ล่าสุดได้สั่งการให้ลูกน้องไปรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะทราบมาว่า ฝรั่งรายนี้ ถูกแจ้งความดำเนินคดีไว้หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ที่สน.ทองหล่อ หรือบางรัก เพื่อนำมาใช้ประกอบคดีการฟ้องร้องในชั้นศาลด้วย

เมื่อถามว่า ยืนยันว่าไม่ได้กลั่นแกล้ง พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า “ขอบอกไว้เลยนะ ไอ้ที่มาบอกว่า ผมไปกลั่นแกล้งเขา ผมได้สั่งการให้ทนายความรวบรวมข้อมูลเพื่อเตรียมที่จะฟ้องกลับแล้ว เพราะถือเป็นการหมิ่นโดยการโฆษณาชัดเจน”

เมื่อถามว่า พล.ต.ท.ชัจจ์ ระบุชัดเจนว่า ที่ต้องทำแบบนั้น เพราะภรรยาถูกโกงเงิน?

พล.ต.อ.สมยศ ตอบเสียงดังว่า “ผมไม่รู้ว่าเขาหมายถึงใคร แต่ผมไม่ได้โกง ความจริงที่เกิดขึ้น คือ ผมกับเขาถูกนายสุริยาโกง ซึ่งจริงๆ แล้วเขาควรจะมาร่วมมือกับผม ไปท้วงเงินจากสุริยาคืนมา แต่เขาไม่มาร่วม กลับไปร่วมมือกับสุริยา มาทำกับผมแบบนี้

“เขาเคยบอกผมว่า ถ้าได้เงินคืนมาต้องแบ่งออกเป็น 3 ส่วน แบ่งให้ผมหนึ่งส่วน เขาหนึ่งส่วน และสุริยา อีกหนึ่งส่วน ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมต้องทำแบบนั้น ทำไมต้องไปช่วยสุริยาอะไรขนาดนั้น ทั้งที่ สุริยา เป็นคนที่โกง ผมและเขา ไม่รู้มีอะไรในก่อไผ่หรือเปล่า ”

พล.ต.อ.สมยศ ระบุด้วยว่า “ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวัน อยากถามหน่อยว่ามันเกิดมาจากใคร มันเกิดขึ้นมาจากเขาทั้งนั้น เขาทำกันเองทั้งนั้น ทั้งเรื่องฝรั่งที่ถูกบัญชีดำ ถามว่าถ้าเขาไปเสียค่าปรับ เลือกที่จะต่อสู้คดี เขาจะเป็นแบบนี้ไหม ถามว่าใครทำเขาทำตัวเอง ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”

“ส่วนเรื่องแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ ถามว่า ถ้าคุณวิมลรัตน์ ไม่ไปให้การต่อศาล ว่า เงินจำนวน 232 ล้าน เป็นเงินของ คุณวิมลรัตน์ส่วนหนึ่ง และคุณชัจจ์ อีกส่วนหนึ่ง มันจะนำไปสู่การตรวจสอบข้อมูลว่า คุณชัจจ์ ไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สิน หรือไม่”

“ เพราะทันที่ที่คุณวิมลรัตน์ ไประบุต่อศาลว่า เงินอีกส่วนเป็นของคุณชัจจ์ ทีมทนายความ ก็ไปตรวจสอบข้อมูลต่อ ก็พบว่าไม่มีการแจ้งบัญชี ทรัพย์สินจริง ก็มีการไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ให้เข้ามาสอบ ผมไม่รู้ว่าตอนนั้นคุณวิมลรัตน์ คิดอะไรอยู่ อยากจะดึงคุณชัจจ์ เขามารวมด้วย จนลืมคิดเรื่องนี้ไปเลยหรือเปล่า”

“นอกจากนี้ เรื่องเงิน 232 ล้านบาท ที่ไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินแล้ว ตนยังมีข้อมูลว่า ในขณะที่ พล.ต.ท.ชัจจ์ ดำรงตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ยังได้รับเงินค่าจ้างที่ปรึกษาจากบริษัท เวิลด์แก๊ส เงินเดือนละ 5 แสน เพราะกลุ่มตนที่ทำงานอยู่ในบริษัท เวิลด์แก๊ส มีข้อมูลหลักฐานหมดว่า มีการจ่ายเงินไปเท่าไร และก็พบว่าไม่มีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินส่วนนี้ด้วย”

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่มันติดค้างอยู่ในใจตนมาตลอด คือ ทำไม พล.ต.ท.ชัจจ์ และภรรยา ไม่มาอยู่ข้างตน เพื่อร่วมมือกันท้วงเงินที่ถูกโกงไปคืนมา

“มันเป็นคำถาม ที่คาใจผมมาตลอดว่า เหตุใด คุณวิมลรัตน์ ไม่มาช่วย หรือรวมกับผม ดำเนินการในทุกด่าน ที่เอาเงินคืนจากนายสุริยา  แต่ไปทำเหมือนเข้าข้าง สุริยา ช่วยสุริยาที่ไปอยู่เมืองนอก ผมเองอยู่ในไทย คุมบริษัทอยู่ แทนที่จะมาช่วยผม ผมหาคำตอบไม่ได้จริงๆ และเรื่องนี้ผมก็ทนให้ถูกกระทำมาเป็นปีแล้ว ถึงเวลาที่ผมจะต้องสู้ ”

เมื่อถามย้ำว่า ศึกความขัดแย้งครั้งนี้ จะจบลงอย่างไร

พล.ต.อ.สมยศ ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ตอนนี้...ก็คงต้องไปจบลงที่ศาลเท่านั้น”

......................

ในวันเดียวกัน สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ "พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อชี้แจงข้อมูลอีกด้าน

โดยพล.ต.ท.ชัจจ์ ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความละโมบโลภมาก ของคนบางคนที่ไม่รู้จักพอ อยากจะแย่งของคนอื่นมาเป็นเจ้าของตัว โดยใช้วิธีการกลโกงต่างๆ ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องทำกันขนาดนี้ ทั้งที่คนเราตายไปก็เอาไปไม่ได้ มีแค่เหรียญบาท ใส่ปากไปก็เท่านั้น

ส่วนเรื่องที่ภรรยา เข้าไปนำนายโดนัล ออกมาจากห้องกักตัว ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พล.ต.ท.ชัจจ์ ระบุว่า

“ฝรั่งคนนี้ เขาเป็นพยาน ปากสำคัญ ในคดีเรื่องหุ้นของภรรยาผม เข้าเป็นคนทำบัญชีผู้ถือหุ้นบริษัท มีคนใช้อำนาจอิทธิพล ทำให้ถูกขึ้นบัญชี เขาต้องไปประกันตัวเขาออกมา”

พร้อมระบุว่า มีคนบางคนใช้เส้นสาย ที่จะทำให้ นายโดนัลถูกขึ้นบัญชีดำ แน่นอน และต้องเป็นคนที่มีเส้นสายที่ดีด้วย

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.สมยศ ตั้งคำถามว่า ทำไมถึงเลือกที่จะอยู่ข้าง นายสุริยา เพื่อนำเงินที่ถูกโกงไปกลับคืนมา พล.ต.ท.ชัจจ์ ถามย้อนกลับว่า "แล้วทำไมเขาไม่มาเข้าข้างผมละ" 

“ช่วยไปถามเขาด้วยนะ นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น ใครที่มาหาผม มากราบขอโทษผม ว่า ทำผิดไปแล้ว แต่สุดท้ายกลับมาทำอะไรแบบนี้ คนแบบนี้มันเป็นคนยังไง และฝากถามไปด้วยว่า คนที่ใช้เงิน แค่ 9.9 แสนบาท ซื้อหุ้นบริษัท ที่มีราคากว่า 4,000 ล้านบาท ได้ เขามีวิธีการอย่างไรที่ทำได้บ้าง ”

พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า ตนอยากจะให้สื่อมวลชน ทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ ให้ดี เสาะแสวงหาข้อมูลที่ชัดเจน จะได้ไม่ไปเข้าข้างคนที่ทำไม่ถูกต้อง คนที่หลงใหลในเรื่องทรัพย์สินเงินทอง จนหน้ามืดตามั่วไปหมด เพราะมีบางคดีที่ศาลตัดสินให้ภรรยาเป็นฝ่ายชนะแล้ว

ส่วนเรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ของตน นั้น พล.ต.ท.ชัจจ์ ระบุว่า มั่นใจว่าดำเนินการมาถูกต้อง พร้อมที่จะชี้แจงข้อสงสัยทั้งหมด

“ความจริงผมไม่มีทรัพย์สินอะไรมากหรอก แต่พอไปจดทะเบียนเอาทรัพย์สินของภรรยาที่มีจำนวนมากอยู่แล้วมาร่วมด้วย ทรัพย์สินมันก็เลยดูเพิ่มขึ้น”

พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวว่า ไม่เคยยึดติดเรื่องตำแหน่งทางการเมือง เพราะตั้งใจมาทำงาน เพื่อประชาชน อยู่ตรงไหน ก็สามารถทำงานได้

“ เรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี ผมไม่เคยแคร่หรอกนะว่าจะต้องเป็น เพราะคนอย่างผมทำงานเพื่อรับใช้ประเทศชาติ มาตั้งแต่เป็นตำรวจแล้ว ที่เข้ามาเล่นการเมือง เพราะต้องการช่วยเหลือคน ทำให้ประเทศชาติเป็นประชาธิปไตย”

“ถ้าตำแหน่งผมมีปัญหาอะไรขึ้นมา ก็เป็นเรื่องนี้ ผมจะได้มีเวลาไปต่อสู้คดี จริงๆ จังๆ ปล่อยให้ภรรยา สู้คนเดียวตั้งนานแล้ว”

พล.ต.ท.ชัจจ์กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ไม่คาดคิดว่า ลูกน้อง ที่ตน เคยผลักดันให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งสำคัญ จะมาทำอะไรกับเจ้านายเก่าแบบนี้ได้

“หลังจากนี้ ทุกอย่างก็คงจะต้องไปว่ากันที่ศาลแล้วกัน..” พล.ต.ท.ชัจจ์ ระบุ