logo isranews

logo small 2

ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด คุณหญิงจารุวรรณ -ศุภชัย โพธิ์สุ

เขียนวันที่
วันอังคาร ที่ 06 กันยายน 2554 เวลา 19:21 น.
เขียนโดย
isranews
หมวดหมู่

ป.ป.ช.เปิดแถลงข่าว  เรื่องกล่าวหา คุณหญิงจารุวรรณ  เมณฑกา และกรณีกล่าวหา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

วันนี้ (6 ก.ย.)  คณะกรรมการ ป.ป.ช.เปิดแถลงข่าว  โดยมีเรื่องสำคัญ จำนวน 2 เรื่อง คือ 1.เรื่องกล่าวหา คุณหญิงจารุวรรณ  เมณฑกา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กับพวก จัดสัมมนาโครงการ สตง. นความคิดเห็นของสมาชิกวุฒิสภา” เป็นเท็จ โดยมีวัตถุประสงค์ นำบุคลากรสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เข้าร่วมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2546 ณ จังหวัดน่าน

ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง เรื่องกล่าวหา คุณหญิงจารุวรรณ  เมณฑกา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กับพวก จัดสัมมนาโครงการ “สตง. ในความคิดเห็นของสมาชิกวุฒิสภา” เป็นเท็จ เนื่องจากแท้จริงแล้ว มีวัตถุประสงค์ที่จะนำบุคลากรของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน
ไปร่วมถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ประจำปี 2546 ณ จังหวัดน่าน โดยมี ศาสตราจารย์ ภักดี โพธิศิริ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการ นั้น

คณะอนุกรรมการไต่สวน  ได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยรวบรวมพยานหลักฐาน และไต่สวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง แล้วปรากฏข้อเท็จจริงฟังได้ว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน โดยคุณหญิงจารุวรรณ  เมณฑกา  ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้มีหนังสือถึงกรมการศาสนา แสดงความประสงค์จะขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินประจำปี 2546 ไปถวายพระสงฆ์จำพรรษา
ณ วัดพญาภู และวัดพระธาตุช้างค้ำ อำเภอเมือง  จังหวัดน่าน และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้มีคำสั่ง ...

ได้มีคำสั่ง ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2546 แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการการถวายผ้าพระกฐินพระราชทานประจำปี 2546  ซึ่งได้กำหนดในวันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม 2546 ณ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดพญาภู และวัดศรีพันต้น (วัดราษฎร์) อำเภอเมือง จังหวัดน่าน  โดยคณะกรรมการดำเนินการมีนางสาววิไลลักษณ์  อัญมณีรัตน์  ผู้อำนวยการสำนักงานผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นประธานกรรมการ และมีนายคัมภีร์  สมใจ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล  เป็นรองประธานกรรมการ โดยให้คณะกรรมการพิจารณาจัดตั้งคณะทำงานต่าง ๆ  เพื่อให้การดำเนินงานกฐินพระราชทานดังกล่าว
รวมถึงกิจกรรมที่เกี่ยวข้องบรรลุวัตถุประสงค์   

 ต่อมา วันที่ 16 ตุลาคม 2546 สำนักงานบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล โดยนายคัมภีร์  สมใจ  ผู้อำนวยการ ได้ขออนุมัติจัดโครงการสัมมนา เรื่อง “สตง. ในความคิดเห็นของสมาชิกวุฒิสภา” ในวันที่ 31 ตุลาคม 2546  ระหว่างเวลา 08.30 – 18.30 น. ณ โรงแรมซิตี้ปาร์ค  อำเภอเมือง จังหวัดน่าน โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการสัมมนา จำนวน 175 คน วิทยากรโดยนายสันติภาพ 
อินทรพัฒน์  สมาชิกวุฒิสภา และวิทยากรของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน  ประมาณการค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 479,980 บาท และคุณหญิงจารุวรรณ  เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ลงนามอนุมัติในวันเดียวกันคือ วันที่ 16 ตุลาคม 2546     

ระหว่างวันที่ 22 – 24 ตุลาคม 2546 นางสาววิไลลักษณ์  อัญมณีรัตน์ แจ้งว่า ได้มีการสำรวจรายชื่อผู้เข้าร่วมกฐินพระราชทาน  ซึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่าย และค่าที่พักด้วยตนเอง มีจำนวน 100 คนเศษ  และเมื่อรวมกับผู้บริหารอีก 30 คน  ก็จะได้เพียง 130 คนเศษ  จึงได้มีการหารือกันระหว่าง คุณหญิงจารุวรรณ  เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน  นายพิศิษฐ์  ลีลาวชิโรภาส
ผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย นางสาววิไลลักษณ์  อัญมณีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานผู้ว่าการ-ตรวจเงินแผ่นดิน และนายคัมภีร์  สมใจ  ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล ได้พิจารณาร่วมกันแล้วเห็นสมควรให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาเข้าร่วมพิธีกฐินพระราชทานก่อน เมื่อถวายผ้าพระกฐินพระราชทานเสร็จ จึงกลับมาสัมมนาที่โรงแรมซิตี้ปาร์ค โดยรวมหัวข้อเช้าและบ่ายเข้าด้วยกัน เริ่มสัมมนาตั้งแต่เวลา 15.45 น. จนถึง 19.00 น. ซึ่งผู้เข้าร่วมหารือไม่มีผู้ใดคัดค้าน 

ข้อเท็จจริงปรากฏว่า เมื่อถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2546  ผู้มีรายชื่อเข้าร่วมสัมมนาและผู้สังเกตการณ์เดินทางโดยรถโดยสารปรับอากาศ  และรถตู้ไปเข้าร่วมงานถวายผ้าพระกฐินพระราชทานตามกำหนดการถวายกฐินพระราชทานของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ช่วงเช้า ณ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร รับประทานอาหารกลางวันที่วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร ช่วงบ่าย
ณ วัดพญาภู  และถวายกฐินสามัคคีของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ณ วัดศรีพันต้น    งานการถวายกฐิน ...

 งานการถวายกฐินพระราชทานแล้วเสร็จประมาณ 16.00 น. คณะสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ได้เดินทางเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวในที่พักและเดินทางไปยังสโมสรหมู่บ้านสันติภาพ 2 เป็นสถานที่เปิดโล่ง ไม่มีหลังคาคลุม มีอาคารอยู่หนึ่งหลังมีลักษณะชั้นเดียว หลังคาเป็นระเบียงข้างอาคารมีสระว่ายน้ำอยู่หนึ่งสระ มีการตกแต่งไฟ  มีเครื่องขยายเสียง  มีการจัดเวทีเขียนป้าย
บนเวทีที่มิได้มีข้อความระบุว่ามีการสัมมนา แต่กลับมีข้อความว่า “ขอต้อนรับ คุณหญิงจารุวรรณ  เมณฑกา และคณะ ด้วยความรักยิ่ง 31 ตุลาคม 2546”  มีการจัดโต๊ะกลมแบบโต๊ะจีนหันหน้า เข้าหากัน แต่ละโต๊ะนั่งประมาณ 9 – 10 คน  จัดอยู่ชั้นระเบียง และชั้นล่างรอบสระว่ายน้ำและพื้นที่โดยรอบ

 เมื่อผู้เข้ารับการสัมมนามาถึงสโมสรหมู่บ้านสันติภาพ 2  จะมีการลงทะเบียนในรายชื่อผู้เข้าร่วมการสัมมนา  เรื่อง “สตง. ในความคิดเห็นของสมาชิกวุฒิสภา” วันที่ 31 ตุลาคม 2546 ระบุสถานที่ว่า โรงแรมซิตี้ปาร์ค อำเภอเมือง  จังหวัดน่าน ซึ่งไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลรับลงทะเบียนหน้าสถานที่จัดงาน ไม่มีการแจกเอกสารในการสัมมนา หรือการกำหนดกลุ่มให้ระดมความคิดเห็นแต่ประการใด

จากการไต่สวนฟังได้ว่าการจัดสัมมนาเรื่อง “สตง. ในความคิดเห็นของสมาชิกวุฒิสภา” ไม่มีการสรุปผลการสัมมนาในครั้งนี้เป็นเอกสารแต่อย่างใด  โดยปกติการจัดสัมมนาหากมีการเปลี่ยนแปลงวิทยากร เทคนิคการนำเสนอ  และสถานที่รวมทั้งงบประมาณจะต้องทำการเสนอขออนุมัติการเปลี่ยนแปลงกับผู้มีอำนาจ

การที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ขอรับพระราชทานผ้าพระกฐินนำไปถวายพระสงฆ์จำพรรษา  ณ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วัดพญาภู จังหวัดน่านในวันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม 2546 และทราบกำหนดการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2546  แต่ยังมีการจัดโครงการสัมมนาในวันเวลาเดียวกัน ซึ่งมีกลุ่มบุคคลที่เข้าร่วมงานกฐินพระราชทานเป็นกลุ่มบุคคลเดียวกันกับกลุ่มบุคคลผู้เข้าร่วมสัมมนา ย่อมเล็งเห็นได้ว่าไม่สามารถดำเนินการตามแผนงานได้  พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำโดยมีเจตนานำคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ไปถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน โดยจัดโครงการสัมมนาเพื่อให้ผู้ร่วมเดินทางสามารถเบิกค่าใช้จ่ายจากทางราชการได้ โดยมิชอบ

 คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติดังนี้ 

1. คุณหญิงจารุวรรณ   เมณฑกา  เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157   

2. นายคัมภีร์  สมใจ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคล มีมูลความผิดทางวินัย ฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบของทางราชการ อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 มาตรา 85 วรรคสอง และมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็น
เจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

3. นางสาววิไลลักษณ์  อัญมณีรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และนายพิศิษฐ์  ลีลาวชิโรภาส  เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานกฎหมาย ไม่มีหน้าที่ในการจัดสัมมนาดังกล่าว พฤติการณ์และพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ยังฟังไม่ได้ว่าได้ร่วมกระทำผิด  ข้อกล่าวหาไม่มีมูล  ให้ข้อกล่าวหาตกไป

 คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติให้ส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชา ดำเนินการทางวินัยกับนายคัมภีร์  สมใจ และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ฟ้องคดีอาญาต่อศาลที่มีเขตอำนาจกับคุณหญิงจารุวรรณ  เมณฑกา และนายคัมภีร์  สมใจ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 92 และมาตรา 97
  


2.    เรื่องกล่าวหา อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

 ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เพื่อดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง เรื่องกล่าวหา นายศุภชัย  โพธิ์สุ  เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  กระทำการโน้มน้าวให้ประชาชนที่มาเข้าร่วมพิธีเปิดการฝึกอบรมของกรมพัฒนาที่ดิน ที่โรงแรมริมปาว  จังหวัดกาฬสินธุ์ ลงคะแนนเลือกผู้สมัครสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎรของพรรคภูมิใจไทย  โดยมี นายกล้านรงค์  จันทิก   กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน
อนุกรรมการ นั้น

 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายศุภชัย  โพธิ์สุ  ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายอำนาจหน้าที่ให้สั่งและปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยให้มีอำนาจในการสั่ง การอนุญาต การอนุมัติ  การกำกับดูแล และปฏิบัติราชการ รวมทั้ง มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับงบประมาณ  การเสนอเกี่ยวกับสวัสดิการและค่าตอบแทนหมอดินอาสาซึ่งเป็นภารกิจของกรมพัฒนาที่ดิน  โดยเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน2552  นายศุภชัย  โพธิ์สุ  ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับเชิญจากกรมพัฒนาที่ดินให้ไปร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการตามโครงการ
“แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ดำเนินงานของประธานกลุ่มเกษตรกรใช้สารอินทรีย์เพื่อลดใช้สารเคมีทางการเกษตร”  ณ โรงแรมริมปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ หลังจากการทำพิธีเปิดการอบรมไปแล้ว นายศุภชัย  โพธิ์สุ  ได้รับเชิญขึ้นบนเวทีเพื่อพูดคุยกับผู้เข้ารับการอบรมในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  โดยในการพูดคุยกับผู้เข้ารับการอบรมนั้นได้ปราศรัยสนับสนุนผู้สมัครจากพรรคภูมิใจไทยเบอร์ 1 โดยบอกให้เลือกเบอร์ 1 หากเลือกเบอร์ 1 จะเป็นหน้าเป็นตาของสกลนคร และจะได้รับงบประมาณต่างๆ มากมาย หากเลือกเบอร์ 2 จะนั่งบังเสาเพราะไม่มีความสามารถอะไรเลย หากผู้สมัครของพรรคได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หมอดินอาสาก็จะได้ค่าตอบแทนเหมือนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) โดยใช้เวลาพูดประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที 

ซึ่งปรากฏว่า มีหมอดินอาสาที่เข้าร่วมอบรม ได้ร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสกลนคร เขตเลือกตั้งที่ 3 แทนตำแหน่งที่ว่าง ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสกลนคร โดยอ้างเหตุที่คัดค้านว่า ผู้ถูกกล่าวหากระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งเป็นเหตุให้การเลือกตั้งไม่เป็นถูกต้องเป็นธรรม  ซึ่งต่อมาคณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีคำวินิจฉัยสั่งการให้ดำเนินคดีอาญาแก่ นายศุภชัย  โพธิ์สุ ตามมาตรา 57 ประกอบมาตรา 137 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า  การกระทำของ นายศุภชัย  โพธิ์สุ  มีมูลเป็นความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวล  

กฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ.2550  ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย กระทำการใดๆ เพื่อเป็นคุณ หรือเป็นโทษแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 57 ประกอบมาตรา 137 ฐานกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเสียงเลือกตั้งให้แก่ตนเอง หรือผู้สมัครอื่น หรือพรรคการเมืองใด หรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใด ด้วยวิธีการจัดทำ ให้เสนอให้ สัญญาว่าจะให้ หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด ตามมาตรา 53 (1) ประกอบมาตรา 137  จึงมีมติให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่ง
ทางการเมืองกับนายศุภชัย  โพธิ์สุ  ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542  มาตรา 70